Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนลำปลายมาศ ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 25 - 29 ต.ค. 2556
ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนลำปลายมาศ ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 25 - 29 ต.ค. 2556
Saturday, 23 November 2013 01:43

 

 

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว

 


อดีตย้อนไม่ได้  ต้องแก้ไขที่ปัจจุบัน

           ก่อนหน้าที่ผมจะได้มาฝึกจิตที่วัดวะภูแก้ว  ผมเป็นคนที่จิตใจไร้ศีลธรรม  ผมทำให้พ่อแม่เสียใจกับผมบ่อยมาก  ผมเที่ยวกลางคืน  บางคืนผมก็ไม่กลับบ้าน  ติดสุรายาสูบ  และชอบเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อกับแม่  แม่บอกอะไรผมไม่เคยฟังผมมีแต่ว่าพ่อแม่กลับอีก  “อย่ามาพูดกับผม   ผมโตแล้ว”  นี่คือคำพูดที่ผม  พูดกับแม่ ชาวบ้านมองผมไม่ค่อยดี  แต่ผมก็ไม่เคยสนใจ  ยิ่งทำตัวแย่กว่าเดิม  ผมติดเที่ยวมาก  แบบว่าหาเงินเที่ยวไปวัน ๆ  ผมจะไปขอเงินแม่เพื่อไปเที่ยวเล่นสนุก  ทั้ง ๆ  ที่แม่ไม่ได้ทำงาน  แต่แม่ยังหาเงินมาให้เราได้  ผมเคยขโมยเงินพ่อแม่  อาจไม่มากแต่บ่อยครั้งมาก  เพราะเอาไปคุยโทรศัพท์กับแฟน  พ่อแม่ว่า    ผมก็ด่าคืน  ชีวิตผมกิน ๆ  นอน ๆ  ไปวัน ๆ 

  


          แต่พอผมได้มาฝึกตนที่  “วัดวะภูแก้ว”  เวลา  5  วัน  ผมได้รู้ถึงสันดาน  และนิสัยที่ผมเคยทำมา  ผมสำนึกได้ว่าพ่อแม่เหนื่อยกับเรามากเท่าไหร่  เจ็บกับเรามากขนาดไหน  แต่ผมจะทำวันนี้และวันต่อ ๆ  ไปให้ดีที่สุด  แม้ไม่สามารถลบล้างความผิดที่ผ่านมาได้ก็ตาม  ขอให้ผมได้ตอบแทนคุณของท่าน  และขอให้ท่านสบายใจมากกว่าเดิมเท่านั้นก็พอ

สิทธิพงศ์  เอี่ยมโป้ย
ม.5/4  โรงเรียนลำปลายมาศ
วันที่ 29  ต.ค. 2556

  

  

ตั้งใจทำดีชดเชยความผิด

           ตอนผมอายุ  15  ปีได้มีโอกาสบวชเณรฤดูร้อน  ตอนนั้นผมอยู่ชั้น ม.3  กำลังเตรียมสอบเข้า ม.4  ผมจึงไม่อยากบวช  เพราะมันจะทำให้ผมไม่ได้อ่านหนังสือเตรียมสอบ  ดังนั้นผมจึงไม่พอใจอย่างมากและไปขอผลัดยายว่าขอบวชตอนจบ ม.4  ได้ไหม  ยายบอกว่าบวชตอนนี้นี่แหละ  เผื่อยายไม่ได้อยู่บวชหลาน     คำพูดของยายจึงทำให้ผมต้องจำใจบวช  พอตอนบวชผมสารภาพเลยว่าตอนปฏิบัติธรรมผมตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง  ตามประสาเด็กๆ  แหละครับ 

 

          เช้าวันหนึ่ง  ขณะสวดมนต์  ผมก็มองไปทางประตูและเห็นพวกแม่ครัว  ที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำกับข้าวที่โรงครัวของวัดหนึ่งในนั้นมีแม่ผม  ทีแรกผมนึกมาว่าแม่กลับไปทำงานที่โคราชแล้ว  เพราะผมอาศัยอยู่กับตายาย  แต่แม่ยังไม่กลับไปทำงาน  แถมยังตื่นมาตอนตีสี่เพื่อมาทำกับข้าวให้ผมกิน  ผมเห็นความตั้งใจของแม่ผมจึงรู้สึกผิดมาก 

  


          พอผมมีโอกาสมาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว  ผมก็ปฏิบัติเหมือนเดิม  คือ  ตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง  พอ  ดร.ดาราวรรณ  พูดถึงเรื่องของแม่  ผมจึงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา  จึงตั้งใจนั่งสมาธิ  และสวดมนต์  เพื่อชดเชยความผิดครั้งนั้น  ผมคิดว่าน่าจะชดเชยได้  แถมยังได้บุญเพิ่มอีก  ผมขอขอบคุณวิทยากรของวัดวะภูแก้ว  และคุณครูที่พาผมมารู้จักกับวัดวะภูแก้ว  ทำให้ผมได้เคล็ดลับของการเรียนดีเรียนเก่งด้วย

สหรัฐ  โฉมทอง
ม.5/2  โรงเรียนลำปลายมาศ
วันที่ 29  ต.ค. 2556

  

  


 
ใครว่าศาสนาไม่สำคัญ

           “ท้องฟ้าในคืนใดไร้ซึ่งดวงดาว  ท้องฟ้านั้น  หาได้มีความงามไม่  สังคมใดไร้ซึ่งศาสนา  สังคมนั้นไซร้  หาได้มีสิ่งใดเหลือ”

  


           ข้าพเจ้าเคยเข้าค่ายในลักษณะนี้มาหลายครั้ง  ซึ่งในแต่ละครั้งก็แตกต่างกันออกไป  แต่ข้าพเจ้ามาเข้าค่ายที่วัด  “วะภูแก้ว”  ในครั้งนี้ข้าพเจ้ามีความรู้สึกแปลกมาก  เนื่องจากหลักและแนววิธีในการปฏิบัตินั้นแตกต่างมาก 

  


          ในแต่ละขั้นตอนของปฏิบัติในครั้งแรก ๆ  ข้าพเจ้าเบื่อหน่ายมากคิดอยู่เพียงว่าทำไปแล้วได้อะไร  ถามเพื่อนที่นั่งสมาธินาน ๆ  ว่านั่งแล้วเห็นอะไรเพื่อนบอกมาก็ไม่เชื่อ  พอถึงวันที่ 3  ของการเข้าค่ายข้าพเจ้าจึงตั้งใจทำดูลองดูว่าจะได้ตามที่เพื่อนบอกหรือเปล่า  ผลปรากฏว่า  จิตเบาสบาย  มีสติในการทำงานมากขึ้น  จากนั้นก็เกิดความชอบที่จะนั่ง  ความคิดเปลี่ยนไป  ข้าพเจ้าค้นพบว่า  ชีวิตเรานั้น  “จิตเป็นนาย  กายเป็นบ่าย”

  


          บางคนคิดว่า  ศาสนาไม่สำคัญในการดำรงชีวิต  เป็นสิ่งงมงายไร้ซึ่งสาระ  เสียเวลา  แต่ได้ มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้วแล้ว  จึงรู้ว่าความคิดแบบนั้นมันเป็นความคิดของคนบาป  คนที่มีจิตใจที่มีกิเลสมาก  ดวงตาไม่เห็นธรรมะที่แท้จริง

  


          “ในความเป็นจริงแล้วธรรมะหรือศาสนานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดำรงชีวิตในยุคโลกาภิวัฒน์  หากไม่มีศาสนาแล้วจะทำให้คนมีจิตใจต่ำช้า  เน้นวัตถุมากจนทำให้จิตใจต่ำลง  สิ่งที่จะช่วยได้นั้นคือ  ศาสนา  ธรรมะนั่นเอง”


นายธนวัฒน์  ทองเต็ม
ม.5/2  โรงเรียนลำปลายมาศ
วันที่ 29  ต.ค. 2556

  

  

คำสารภาพจากหัวขโมย

            ตอนแรกที่มาเข้าค่าย  ผมก็แค่คิดว่ามาเข้าเฉย ๆ  เพราะอยากจบ ม.6  เพราะอาจารย์บอกว่าใครไม่มาเข้าค่ายจะไม่จบ  ก็เลยคิดว่ามาเข้าให้พอผ่าน ๆ  ไป  แต่พอฟังคำสอน  เรื่อง  บุญบาปกฎแห่งกรรม  ทำให้ผมก็คิดว่า  ผมเคยทำไม่ดีกับพ่อแม่  แต่ก่อน  พ่อผมกินเหล้า  (แต่เดี๋ยวนี้ท่านเลิกกินไปแล้ว)  พอเมากลับมาบ้าน  ชอบมาด่าผม  ตอนที่ผมเล่นคอมอยู่  บางครั้งผมก็ทำเป็นฟังเฉย ๆ  ไม่เถียงอะไร  แต่ก็มีบางครั้ง  ผมก็ด่าท่านในใจกลับคืนไป  กับแม่  ผมเคยขโมยเงินแม่ไปเติมเกม  ตอนแรก ๆ  ก็ขโมยครั้งละ  10-100  บาท  ช่วงหลัง  2,000 – 3,000  บาท  ขโมยไปเติมเกมบ้าง  ไปซื้อของบ้าง  แต่พอตอน ม.2  พ่อผมมาพูดกับผมว่า  “เงินนะเอาไปเถอะ  เพราะถ้าพ่อแม่ตายไปก็เอาไปไม่ได้หรอก  มันเป็นของลูกนั่นแหละที่พ่อแม่ทำงานเก็บเงินมาก็เพื่อลูก”  ผมได้ยินคำนี้ผมก็คิดได้เลยว่า  เราทำให้พ่อกับแม่เสียใจที่ทำตัวแบบนี้  ผมก็เลิกขโมยจนถึงปัจจุบัน

  


          พอมาเข้าค่ายครั้งนี้ทำให้ผมคิดว่า  ผมควรจะไปสารภาพกับท่าน  ถึงท่านจะรู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนเอา  แต่ท่านคงอยากได้ยินคำสารภาพจากปากเรามากกว่า  กลับไปนี้ผมควรกลับไป  ขอโทษท่านไปกราบท่าน  และผมตั้งใจว่า  จะเรียนให้จบมหาวิทยาลัย  หางานดี ๆ  ทำ  และผมจะดูแลท่านไม่อยากให้ท่านต้องทำงานหนัก ๆ  แบบนี้  และผมก็ตั้งใจอีกว่า  ตอนผมอายุ  20  ผมจะบวชให้ท่าน  อยากให้ท่านภูมิใจในตัวผม  ผมดีใจที่เป็นลูกของท่าน  ท่านไม่เคยทำให้ผมรู้สึกด้อยกับเพื่อน ๆ!  ผมไม่เคยคิดอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขตัวเอง  แต่อยากเร่งเวลา  เพื่อวันที่ผมมีฐานะ  จะดูแลท่านได้อย่างเต็มที่

นายนันทพล  แก้วรัตน์
โรงเรียนลำปลายมาศ  ชั้น ม.5/10
วันที่  29  ตุลาคม  2556

  

  


ใครกันแน่ที่เหนื่อยและหนัก

          เมื่อได้ยินว่าทางโรงเรียนจัดให้มาเข้าค่ายธรรมะที่วัดวะภูแก้ว  แล้วยกเลิกการไปเที่ยว  ดิฉันก็เซ็งมาก  แค่คิดอีกทีก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันที่ได้ไปเข้าค่ายอยู่ตั้ง  5  วัน  ดีกว่าอยู่บ้าน  อยู่บ้านน่าเบื่อจะตาย  รำคาญเสียงด่าเสียงบ่นของพ่อแม่จะตาย  ดิฉันยอมรับเลยว่าดิฉันเบื่อพ่อและแม่มาก  เพราะเอะอะท่านก็ด่าก็บ่น  ทำอะไรไม่ถูกใจก็ว่า  หลายครั้งดิฉันก็คิดน้อยใจว่าทำไมต้องเกิดมาเป็นลูกของท่านด้วย  ทำไมท่านถึงไม่รักเราบ้าง  หรือจะเป็นเพราะท่านไม่ได้เลี้ยงเราหรือเพราะตอนที่ดิฉันมีอายุได้  3  เดือน  พ่อแม่ก็ส่งไปอยู่กับตาและยาย  นาน ๆ  ครั้งท่านจะไปเยี่ยม  เมื่อดิฉันจบ  ป.5 พ่อก็ไปรับดิฉันมาอยู่ด้วย ดิฉันต้องรับภาระมากมาย เมื่อทำไม่ถูกใจก็โดนว่าและพวกท่านทั้ง 2  จะเข้มงวดกับดิฉันมาก  ขออะไรก็ไม่ให้ไม่ได้  ขอไปเปิดหูเปิดตากับเพื่อนบ้างก็ไม่ให้ไปทั้ง ๆ  ที่พ่อแม่คนอื่นเขาก็ยังให้ลูกไปเลย  ดิฉันจึงไม่พอใจทำมารยาทที่ไม่ดีใส่ท่าน  แล้วก็แอบไปร้องไห้คนเดียว  แล้วก็มีความคิดต่าง ๆ  นานาว่าทำไมท่านถึงไม่รักเราเหมือนที่รักพี่ชายกับน้องสาวของดิฉันบ้าง  ดิฉันไม่เคยได้รับความรักจากท่านเลย  ดิฉันโหยหาความอบอุ่นนั้นมาจนทุกวันนี้ความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้มีผลต่อจิตใจของดิฉันแล้ว  เพราะดิฉันคิดว่า  ไม่ได้รักท่านแล้ว

  


          จนเมื่อดิฉันได้มาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้วดิฉันก็คิดได้  ถึงท่านไม่แสดงความรักออกมาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านไม่รักเรา  ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่จะไม่รักลูกตัวเอง  และที่ท่านเข้มงวดกับเราเพราะท่านหวังดีกับเรา  การที่เราคิดว่าทำงานช่วยท่านแค่นี้ลำบากเป็นภาระหนัก  แล้วที่ท่านทำงานหนักเลี้ยงเราจนเติบใหญ่ล่ะ  อันไหนจะหนักกว่ากัน

  


          ต้องขอขอบคุณท่านนี้ที่ทำให้ดิฉันได้มีโอกาสตั้งจิตเจริญภาวนาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  เมื่อนำบุญไปฝากคุณพ่อ – คุณแม่  คุณตา – คุณยาย  เมื่อดิฉันกลับไป  ดิฉันจะไปกราบเท้าท่าน  กอดท่านและบอกรักท่านทั้งสองผู้มีพระคุณอันล้นหัวของดิฉัน  ดิฉันจะตั้งใจเรียนและสานฝันของพวกท่านให้เป็นจริงให้ได้  ไม่ว่าจะยากเพียงใด  มีอุปสรรคมากแค่ไหนดิฉันก็จะไม่ท้อและจะไม่สร้างความเดือดร้อนและจะไม่ทำให้พวกท่านเสียใจ

เนตรนัฏฐา  บุญทอง
ชั้น ม.5/11 โรงเรียนลำปลายมาศ 
วันที่  29  ตุลาคม  2556

  


 

8 ความประทับใจ

          นับเป็นครั้งที่ 2  ในชีวิตที่เข้าอบรมธรรมะ  ครั้งแรกสมัยที่เรียนปี 1  ที่วิทยาลัยครูนครสวรรค์จัด  เมื่อปี 2524  ซึ่งเป็นการบังคับ  มีแต่การฟังธรรมะอย่างเดียว  แต่การอบรมครั้งนี้  เมื่อทราบคำสั่งไม่อยากจะมา  เพราะคิดว่าวิธีการคงเหมือนเดิม  แต่มาแล้วความคิดความรู้สึกเปลี่ยนไป  แล้วจะบอกตัวเองว่า  “คงเสียดายตลอดชีวิต”  ที่ไม่ได้มาอบรมที่วัดวะภูแก้วในครั้งนี้  เพราะ


          1) สถานที่เป็นใจเหลือเกินเหมาะกับการอบรมธรรมะ


         2) นับเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้  ที่ได้สวดมนต์เกือบเป็นเล่ม  จากที่เคยรู้สึกว่า  สวดมนต์โดยไม่ทราบสาระ  ไม่ทราบความหมายไม่รู้ว่าจะสวดไปทำไม  รู้แต่ว่าทำให้สบายใจ  สงบขึ้น  แต่พอเข้าอบรม  รู้สึกว่าการสวดมีสาระ    รู้ความหมาย  เห็นความงาม  ความไพเราะของภาษาที่ใช้สวด  เหมือนคีตดนตรี  เสียงสูง ๆ  ต่ำ ๆ  ซาบซึ้งกับภาษาที่ใช้สวด  หลายคำใช้คำซ้ำ ๆ  เช่น  “วิคัจฉันตุ” 


          3) การอบรมครั้งนี้ในฐานะครูสอนวิชาภาษาไทย  ชื่นชมมากที่ท่านวิทยากร  เน้นย้ำให้นักเรียนอ่านหนังสือที่จัดให้  เป็นการส่งเสริมการอ่านให้นักเรียนอย่างยอดเยี่ยม  เพราะทุกวันนี้ผลการวิจัยนักเรียนไทยไม่รักการอ่าน  การอ่านเปรียบเหมือนยาขมหม้อใหญ่สำหรับเด็กไทย

          4) ภูมิใจที่ตนเองทำสมาธิได้  แม้จะไม่เต็ม  100%  แต่อย่างน้อยก็สามารถชนะใจตนเองได้  ซึ่ง  2  วันแรกยังทำไม่ได้  พอวันที่ 3  เริ่มมีสมาธิทำได้ครั้งแรกทั้งเมื่อย  ทั้งชา  พอทำได้รู้สึกโล่งสบายตัว


          5) ภูมิใจที่เห็นวิทยากรทุกท่าน  ล้วนแล้วแต่มีความตั้งใจที่จะให้ผู้เข้าอบรมทำให้ได้  พูดให้กำลังใจ  และไม่ลืมเน้นย้ำให้นักเรียนนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน  โดยเฉพาะ  ดร.ดาราวรรณ  เด่นอุดม  ท่านกล่าวว่า  “ในร่างเดียวเป็นทั้งแม่พระและแม่มด”  แต่ทั้งหมดนี้ลึก ๆ  ก็คือ  ความรัก  ความเมตตา  ต่อผู้เข้าอบรม


          6) ด้านความรู้ทุกครั้งที่ฟังบรรยาย  ข้าพเจ้าไม่ลุกไปไหนเลย  แม้ปวดปัสสาวะก็กลั้นไว้  เพราะรู้สึกว่า  ทุกวลี  ทุกประโยคล้วนมีสาระ ฟังแล้วเพลิน  ท่านบอกให้จดผมก็จดเต็มสมุดเลย  ได้ความรู้เกี่ยวกับ  สมาธิ  การถวายน้ำปานะ  การถวายสังฆทาน  การไม่ถวายพืชผักดิบที่งอกได้  ซึ่งไม่เคยทราบมาก่อน  และหลายเรื่องจะนำไปบอกเล่า  สอนนักเรียน  และญาติพี่น้องต่อไป


          7) ขอบคุณโรงเรียนลำปลายมาศ  ที่นำเด็กวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ที่นับวันจะห่างไกลศาสนา  เพราะทราบแล้วว่าเด็กยุคนี้เป็นยุควัตถุติดกับเทคโนโลยี  ติดกับความสะดวกสบาย  สามารถนำมานั่งสวดมนต์เป็นเล่ม ๆ  นั่งสมาธินาน ๆ  เป็นภาพที่เห็นแล้วชื่นใจ  ซึ่งถ้าเขาไม่มาในชีวิตนี้เขาคงไม่ได้ทำอย่างนี้แน่นอน  เป็นการกล่อมเกลาจิตใจของเขาให้ซึมซับกับคำสอนคำสวด  แม้จะไม่ได้ผลมากนักในตอนนี้  แต่อย่างน้อยก็คงสะกิดใจบ้าง  ความดื้อรั้นแข็งกระด้างจะได้ลดลง  นำวิธีการเรียนไปใช้


          8) ซาบซึ้งเหลือเกินกับบทบรรยาย  ชมภาพพระคุณแม่จนก้อนสะอึกขึ้นมาน้ำตาไหล  เห็นความลำบากของแม่  เจ็บปวดเหลือเกินในฐานะที่ตัวเองแม่เสียชีวิตตั้งแต่อายุ  9  ปี  ไม่คุ้นหน้าแม่  อยากกราบแม่แต่ไม่รู้จะกราบใคร  ได้แต่อธิษฐานเอา

คุณครูธนาเมธ  เชิญรัมย์
โรงเรียนลำปลายมาศ
วันที่  29  ตุลาคม  2556
 

  

 


ทำไมแม่รีบจัดกระเป๋าให้หนู

          บอกตรง ๆ  เลยนะคะว่าหนูอยากกลับบ้านตั้งแต่วันแรกที่หนูมาจนถึงวันสุดท้ายหนูก็อยากกลับอยู่เช่นเคย  แต่กลับไปทำอะไรคะ  หนูอยากไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง  อยากไปกอดให้หายคิดถึงเพราะหนูไม่เคยห่างจากแม่เลย  จนทุกวันนี้หนูยังนอนอยู่กับผู้หญิงคนนี้อยู่ก่อนที่จะมาที่นี่  1  วัน  แม่บอกให้หนูลงไปข้างล่าง  หนูบอกว่าหนูจะเก็บกระเป๋า  แม่บอกว่าพรุ่งนี้ก็เก็บทัน  แต่พอหนูไปขนาดนั้นเลยหรือ  แม่บอกว่าทำดีทำง่ายนิดเดียวในเมื่อโรงเรียนให้โอกาสหนูแล้วทำไมหนูไม่รีบที่จะทำสิ่งนั้น  การมาวัดในครั้งนี้มา  4  คืน  5  วัน  ได้ประโยชน์เกินคาด  สอนให้เรารู้ถึงจิตใจที่มุ่งมั่นในการทำสมาธิ  การมีสมาธิที่แน่วแน่ตั้งมั่น  วันแรกหนูยังนั่งไม่ได้หรอกค่ะ  พอถึงวันที่ 2  จิตเริ่มสงบไม่คิดถึงเรื่องอะไร  และไม่ยึดติดกับสิ่งใด ๆ  ทำให้หนูรู้สึกเหมือนตัวหนูลอย

  


          พอวันที่ 3  ตอนเช้าหนูไม่มีสมาธิเท่าไร  แต่พอได้ฟังเรื่องแม่เท่านั้น  สมาธิหนูเริ่มมาแล้ว  แล้วจิตของหนูบอกว่าแม่เตรียมกระเป๋าให้เพราะท่านตั้งใจให้ทำความดีเพื่อท่านหรือตอนแรกหนูใช้คำที่กำหนดที่ลมหายใจคือ  พ่อทน  แม่ทน  เราต้องทน  แล้วคำเหล่านั้นก็เริ่มหายไปจากจิต  แล้วเหมือนตัวหนูเดินขึ้นบันได  4-5  ชั้น  หนูก็แปลกใจว่าเราขึ้นมาได้อย่างไรในเมื่อบันไดนั้นไม่มีเสาเป็นที่ยึดเลย  แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาบอกว่าทำไมจะไม่มีที่ยึดล่ะ  ก็จิตของหนูไง  ผู้หญิงคนนั้นสวยมากราวกับเป็นนางฟ้า  สวยทั้งกาย  ทั้งใจ  ทั้งวาจา  แล้วจิตหนูก็ไม่รู้สึกอะไรเลยไม่คิดอะไรเลย  สุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์ที่ให้โอกาสดี ๆ  กับหนูและขอขอบคุณวิทยากรทุกท่านที่ให้ความเข้าใจเรื่องพระพุทธศาสนาและการฝึกสมาธิและฝึกถึงความอดทน  สอนในเรื่องผิดชอบชั่วดี  และขอขอบคุณ  คุณแม่ที่ตั้งใจให้หนูมาวัดวะภูแก้วแห่งนี้  แม่คือบุคคลที่ดีที่สุดในโลกนี้ของหนู


มุกดา  พรมหงษ์
ม. 5/6  โรงเรียนลำปลายมาศ
วันที่  29  ตุลาคม  2556


 


บุญใหญ่เป็นอย่างไร

วัด...รื่นรมย์กลมกลืนคืนธรรมชาติ
วะ...กายใจใสสะอาดดังคาดฝัน
ภู...เนินสูงพร้อมแบกไม้นานาพันธุ์
แก้ว...สารพันคือธรรมนำชีวี

 

          จำได้ว่าสมัยเป็นเด็ก  เวลามีเทศกาลงานบุญ  “งานกฐิน”  พวกเราประสาเด็กมักจะดีใจเป็นพิเศษ  เพราะมีโอกาสไป  “เอาบุญ”  หรือไป  “กินบุญ”  นั่นเอง  จะมีอาหารพิเศษ  (ปีหนึ่งมีไม่กี่เรื่อง)  อาหารหวานคาว  อาหารหลักคือขนมจีน  (ข้าวปุ้น)  และลาบวัว  (ดิบ ๆ)  บางครั้งกินบุญถึง  3-4  หลังคาบ้าน

  


          จวบจนอายุจะครบหกสิบปี  เพิ่งรู้แจ้งเห็นจริงว่า  การมาเอาบุญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง  “บุญใหญ่”  (มหากุศล)  จะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไร  ก็ต่อเมื่อได้รับฟังประสบการณ์และบันทึกใบเกล็ดชีวิตของท่าน ดร.ดาราวรรณ  เด่นอุดม  ณ  วัดวะภูแก้วนี่เอง

  


          ขอบคุณ  วัดวะภูแก้ว  พระคุณเจ้าทุกรูป  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ดร.ดาราวรรณ  และคณะ  ที่ได้ชี้แนวทางประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องไม่หลงทาง  ทำให้พวกเราได้พบ  “ขุมทรัพย์แท้จริงของชีวิต”


          พวกเราขอสัญญาว่า  จะทำแนวทางปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องไปใช้ในการศึกษาเล่าเรียน  และการดำเนินชีวิต  เพื่อประโยชน์ต่อตนเองและสังคมสืบไป


รองฯ นราภพ  ปรัชญาวงศ์ชัย
โรงเรียนลำปลายมาศ
วันที่  29  ตุลาคม  2556

  


จะไม่ย้อนอดีตไม่รออนาคต

“โอ้น๋อ...
คุณมารดามีล้นฟ้า
คุณบิดามีล้นฟ้า
ไม่สามารถหาอะไรมาเปรียบเท่า
กว่าจะคลอดลูกน้อยเก้าเดือนคล้อยแม่ค่อยทน
สารวนอดทนสู้มารดาท้องลูกน้อยอ่อน
พ่อก้อหมั่นหาเลี้ยง  กล่อมเกลี้ยงจนใหญ่มา
ความรักพ่อแม่  มีต่อข้าเปรียบเท่าภูผา
สุดจะพรรณนา  หาคำใดมาคัดค้าน
คุณแม่พ่อ  เท่าฟ้าคณาท่าน  ไปถึงลงล่างไม่ได้"

 

          ในอดีต...ผมนึกเสมอว่าพ่อแม่จะอยู่กับเราจนกว่าเราจะสามารถดูแลตนเองได้  ท่านจะต้องหาเลี้ยงเราจนกว่าเราจะออกทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง  ท่านจะต้องประคับประคองเราจนกว่ารู้ผิดชอบชั่วดีต่าง ๆ  นานา  ที่ลงความคิดและความเชื่อมั่นของผม

  


          ไม่นานมานี้ผมได้ศึกษาหรือได้เข้าอบรมมาบ้างแล้ว  ในที่สุดวินาทีที่ผมคิดว่าเลวร้ายที่สุดก็มาถึง  เมื่อทางโรงเรียนแจ้งมาว่าจะพานักเรียนมาอบรมเป็นเวลาถึงห้าวัน  ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานที่สุดที่เคยได้เข้าอบรมมา

  


          เมื่อการอบรมได้เริ่มต้นขึ้นผมก็รู้สึกเบื่อหน่ายในวันแรก ๆ  จนกระทั่งมาถึงวันท้าย ๆ  ท่านวิทยากรได้อบรมเรื่องพระคุณอันยิ่งใหญ่  มันทำให้ผมรู้สึกและมั่นใจแล้วว่าสังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง

  


          สุดท้ายนี้ผมก็อยากฝากข้อความไว้สักเล็กน้อยว่า  “ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่งมีหรือห้วงหยั่งลงได้  วันหนึ่งคงล้มไป  ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง”


          จะให้ข้าวแม่พ่อกินตอนยังมีชีวิต  หรือจะเคาะฝาโลงเรียกท่านมากินจะบอกรักตอนท่านยังมีชีวิต  หรือจุดธูปบอกรัก  พ่อแม่จะมีวันพรุ่งนี้หรือจะมีชาติหน้าผมก็คงไม่รู้  แต่ที่รู้แน่ ๆ  ตอนนี้คือ  “ผมรักพ่อและรักแม่มาก”  ผมจะไม่รออนาคตและจะไม่ย้อนอดีตอีกต่อไป...

นายณรงค์ฤทธิ์  หวังนอก 
ม.5/1  โรงเรียนลำปลายมาศ
วันที่  29  ตุลาคม  2556


Last Updated on Saturday, 23 November 2013 02:25
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner