Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์ ของ เด็กนักเรียน โรงเรียนกุดจิกวิทยา และ โรงเรียนครบุรี ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 21 - 25 มิ.ย. 2556
ประสบการณ์ ของ เด็กนักเรียน โรงเรียนกุดจิกวิทยา และ โรงเรียนครบุรี ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 21 - 25 มิ.ย. 2556
Tuesday, 16 July 2013 02:04

 

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว

 เด็กดีต้องมีวินัย

           มาที่นี่ได้รับประสบการณ์ที่ดีมากมายเลยค่ะ  ที่นี่สอนให้มีระเบียบวินัยรู้จักตรงต่อเวลามากขึ้น  เพราะว่าตัวเองเป็นคนไม่ค่อยตรงต่อเวลาด้วย  การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมากจริง ๆ  เพราะในอนาคตเรื่องของระเบียบวินัยเราก็ต้องมี  เมื่อเราทำงานเราก็ต้องมีความรับผิดชอบ  นอกจากนี้ยังได้รับความรู้เกี่ยวกับคุณธรรมการปฏิบัติตัวที่ดีอีกด้วย  หนูจะนำวิธีปฏิบัติการนั่งสมาธิไปใช้ในชีวิตประจำวันไปฝึกนั่งที่บ้านด้วยค่ะ


น.ส.ปิยมาศ  วาดเขียน
ห้อง ม.6/1  ร.ร.กุดจิกวิทยา
25  มิถุนายน  2556

 


ยังไม่สายเกินไปสำหรับนักตบ

           หนูเป็นเด็กที่นิสัยไม่ดี  พูดจาก็ไม่เพราะเลย  ชอบเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ  ถึงหนูจะดูเหมือนคนเงียบแต่กลับกันหนูไม่ใช่คนอย่างที่ทุกคนส่วนมากคิดหนูร้ายกว่าที่คิด  สมัยก่อนกิจวัตรประจำวันของหนูคือการชอบหาเรื่องตบกับคนอื่น  ยุยงคนอื่นให้ตบกันบ้าง  ตบเองบ้าง  พ่อแม่กลุ้มใจมากบอกหนูยังไงหนูก็ไม่สนใจ  หนูไม่แคร์ค่ะ  โดดเรียนหนูโดด  หนูไม่คิดมากค่ะ


           แต่พอได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนครบุรี  หนูอยากขอบคุณโรงเรียนครบุรีมากค่ะที่นำพวกหนูมาเข้าค่ายปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว  ทำให้หนูได้รู้อะไรอีกหลายอย่าง  ทำให้หนูได้ได้รู้จักคำว่า  สำนึกผิด  ซึ่งคิดว่าอาจสายไปแล้ว


          หนูกลับจากค่ายปฏิบัติธรรมเมื่อไร  หนูจะไปบอกเพื่อน ๆ  ต่างโรงเรียนให้รู้ว่าที่วัดวะภูแก้วสอนเด็กให้เป็นคนดี  รู้จักรับผิดชอบชั่วดี  สอนให้รู้จักสำนึกผิด  และให้รู้ว่ากว่าเราจะเกิดมาได้พ่อแม่เขาเหนื่อย  ลำบาก  ทรมาน  ขนาดไหน

น.ส.สิริลักษณ์  ผ่องใส
โรงเรียนครบุรี  ชั้น/ห้อง ม.4/8 
เขียนไว้  ณ  วันที่  25  มิถุนายน  2556

 

 

ฉันเข้มแข็งแล้ว

           ดิฉันได้มาอบรมที่วัดวะภูแก้วเป็นครั้งที่ 2  แล้ว  ประสบการณ์ที่ได้รับก็คือจากเป็นคนสมาธิสั้น  ก็กลับกลายว่ามีสมาธิดีกว่าเดิม  ตอนแรก ๆ  ก็รู้สึกปวดเมื่อยบ้าง  แต่ก็นำเอาวิธีการของ  ดร.ดาราวรรณ  มาใช้คือ  บอกกับตัวเองว่า  “ถึงกายจะปวดแต่จิตไม่ปวด” 


          ดิฉันขอสารภาพว่าดิฉันเคยริลองเล่นยาเสพติด  พอดิฉันเริ่มรู้ตัว  ไม่รู้จะพึ่งใคร  จึงกลับไปที่บ้านยอมเล่าความจริงให้แม่ฟัง  พอแม่รู้เรื่องฉันเห็นแววตาของแม่  รู้สึกว่าแม่กำลังทุกข์ทรมานใจ  แต่แม่ก็ได้ให้คำปรึกษา 


          ก่อนวันมาเข้าค่าย  แม่ได้ถามว่า  ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง  ดิฉันก็บอกกับแม่ว่า  ดิฉันเลิกได้แล้ว  แต่คิดว่ายังไม่เข้มแข็งพอ  แต่พอได้มาอบรมแล้ว  ได้แง่คิดอะไรมากมาย  จนดิฉันคิดว่าวันนี้  ดิฉันเข้มแข็งพอ  และคิดว่าจะไม่ไปยุ่งกับมันอีกแล้ว  ขอขอบคุณคณะครูอาจารย์ที่นำมาอบรม  และขอขอบคุณคณะวิทยากรทุกท่านที่ให้ความรู้นำมาพบทางที่สว่าง  ขอบคุณค่ะ

สัญญาใจของ  น.ส.กานติมา  เจริญครบุรี
โรงเรียนครบุรี  ชั้น  ม.4/5
เขียนไว้  ณ  วันที่  25  มิถุนายน  2556

 

 

เกิดมาเพื่อแทนคุณพ่อแม่

           เมื่ออาจารย์ประกาศว่าจะนำนักเรียนชั้น ม.4  ไปเข้าค่ายธรรมะ  ณ  วัดวะภูแก้ว  ผมก็รู้สึกดีใจเพราะผมชอบเข้าวัดทำบุญกับพ่อแม่  เสมอมา  ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็ก ๆ 


          ผมเป็นคนที่ชอบสวดมนต์  แต่ไม่ชอบทำสมาธิ  เพราะน่าเบื่อ  เคยนั่งสมาธินานสุด  10  นาที  ก็ลืมตาแล้ว  แต่มาที่นี้ให้นั่งสมาธิ  30  นาที  รู้สึกท้อใจ  พอสวดมนต์จบก็นั่งสมาธิครั้งแรกรู้สึกดีครับ  ภาวนาและมีพระมาเทศน์ให้ฟัง  ทำให้จิตใจสงบ  ผมแปลกใจมากกว่าผมนั่งสมาธิได้  ขณะที่คนอื่นนอกจากสมาธิแล้ว  ผมกับไม่ได้ยินเสียงอาจารย์บอกให้ถอนจิต  คงเป็นเพราะจิตผมสงบมั้งครับ 


          พอวันที่ 2  ตอนเช้าก็สวดมนต์เสียงดังเพราะเป็นคนชอบพูดโกหกกับพ่อแม่บ่อยครับ  ผมเลยคิดว่า  เราน่าจะพูดเสียงดังในสิ่งที่ดี  พอถึงตอนนั่งสมาธิก็นั่งหลับ  หัวกระแทกแก้วน้ำ  ผมตกใจตัวเองนึกว่า  พระสลัดน้ำมนต์ให้รู้สึกเหนื่อยเพราะนอนดึก  เลยนั่งหลับ  พอตอนกลางวันก็ฟังบรรยายจาก  ดร.ดาราวรรณ  ก็รู้สึกเฉย ๆ  น่าเบื่อ  แต่ผมลองคิดดูดี ๆ  สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์แก่เรามาก ๆ  ถ้าเราตั้งใจเราก็ได้ประโยชน์ก็เลยตั้งใจ


          พอวันที่ 3  ก็รู้สึกอยากกลับบ้าน  เพราะคิดถึงพ่อแม่  แต่ฟังคำพูดจากวิทยากรก็เป็นคำที่ผมประทับใจมากก็คือ  วันไหนที่เราไม่เหลือใครจงจำไว้เสมอ  ยังมีพ่อแม่ที่คอยห่วงใยเราเสมอ  ผมฟังแล้วรู้สึกว่า  อยู่ที่ไหน ๆ  ก็ควรทำแต่ความดี  หรือนำบุญกลับไปฝากพ่อแม่  ผมก็เลยตั้งใจทำทั้งสวดมนต์  เดินจงกรม  นั่งสมาธิ 


          วันที่ 4  อาจารย์เปิดเกี่ยวกับคลอดลูกให้ดู  ผมคิดว่ากว่าจะมาเป็นคนทุกวันนี้  พ่อแม่เราแสนลำบากยากเข็ญ  เพราะฉะนั้นเราเกิดมา  ผมคิดว่าสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตก็คือ  การเกิดมาเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่  ใบปริญญาของลูกคือความภาคภูมิใจของพ่อแม่คนเก่งหาที่ไหนก็ได้  แต่คนดีมีน้ำใจหายาก  และผมจะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนหนังสือเพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้า  เราลำบากวันนี้เพื่อความสุขสบายในวันข้างหน้า  หยาดเหงื่อของพ่อแม่  คือ  ความตั้งใจที่จะส่งลูกศึกษาเล่าเรียน  ลูกจะขอสัญญาว่าจะไม่ทำให้พ่อแม่  ต้องเสียหยาดเหงื่อไปฟรี ๆ  แน่นอนครับ


          วัดแห่งนี้  สอนให้รู้ถึงความกตัญญู  การมีสติ  ความดีอะไรเป็นบาป  ผมขอสัญญาว่าผมเมื่อกลับไปผมจะตั้งใจทำความดี  นั่งสมาธิ  สวดมนต์เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่  การกลับบ้านในวันนี้  อาจพลิกชีวิตของใครอีกหลายคนก็ได้

 

สัญญาใจ  นายไพรัตน์  เมี้ยนมิตร
โรงเรียนครบุรี  อำเภอครบุรี  จังหวัดนครราชสีมา  ม.4/5  (แผนทั่วไปฯ)
เขียนไว้  ณ  วันที่  25  มิถุนายน  2556


Last Updated on Tuesday, 16 July 2013 02:41
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner