Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์ ของครู สพม. 32 บุรีรัมย์ ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิตที่วัดวะภูแก้ว ตอนที่ 2
ประสบการณ์ ของครู สพม. 32 บุรีรัมย์ ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิตที่วัดวะภูแก้ว ตอนที่ 2
Tuesday, 22 September 2015 04:36

 

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว


เพื่อรอยยิ้มของพ่อแม่


          ข้าพเจ้าเคยมาที่วัดวะภูแก้วครั้งแรกเมื่อปี 2538 ตอนเรียน ม.4 ที่รร.ห้วยแถลงพิทยาคม  หลังจากกลับไปรู้สึกรักพ่อกับแม่มากขึ้นเยอะเลย   รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาอีกครั้ง  จริงๆ แล้วที่มาเป็นครูในวันนี้ไม่ได้เป็นความตั้งใจที่จะมาเพราะเรียนจบด้านวิศวกรมา  เงินเดือนหลายหมื่นบาท  แต่ต้องอยู่ห่างพ่อกับแม่  ท่านไม่มีใครดูแล  เวลากลับบ้านเวลาวันหยุด  แล้วต้องเดินทางกลับไปทำงาน   ท่านจะยืนมองรถเราวิ่งจากไป  ท่านคงเหงา   เลยตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่กับท่าน  จึงไปเรียนครูอีกใบ  จบมาบรรจุได้  ทั้งพ่อและแม่ดีใจมาก  หลายคนถามว่า ไม่เสียดายเงินเดือนเยอะๆ เหรอ  ตอบเลย ไม่เสียดาย  เงินซื้อพ่อแม่ของฉันไม่ได้  ซื้อรอยยิ้มความสุขของพ่อแม่ไม่ได้

 

          ยิ่งวันนี้ที่ได้มาวัดวะภูแก้วอีกครั้ง ยิ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่ตัดสินใจทิ้งเงินเดือนเยอะๆ มา เพื่อมาดูแลท่าน   ท่านจะอยู่กับเราถึงเมื่อไรไม่มีใครรู้  เหมือนที่อาจารย์บอก  กลับบ้านไปจะดูแลพ่อแม่ให้ดีขึ้นมากกว่านี้  คำพูดอะไรที่ทำให้ท่านเสียใจจะพยายามไม่พูด  เพราะบางทีเรามีอารมณ์ มันมีหลุดไปบ้าง  เรารู้ว่าทำให้ท่านเสียใจ แต่ทำไปโดยไม่ใช้สติ  ต่อไปจะมีสติให้มากกว่านี้  จะระวังปากตัวเองให้มากขึ้น

คุณครูสมจิตต์  ซุยจันทึก
โรงเรียนเมืองตลุงพิทยาสรรพ์ อ.ประโคนชัย  จ.บุรีรัมย์

  

  


 

ได้ชีวิตใหม่ ณ ที่แห่งนี้


          ข้าพเจ้ามีความประทับใจ และถือว่ามีความโชคดีมีบุญที่ได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว  สิบสามปีที่แล้วครั้งที่ยังเรียนอยู่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย   ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรม  ในครั้งนั้นตัวข้าพเจ้าเอง   รู้ตัวเองเสมอว่ามาวัดก็คงไม่ได้อะไรกลับไปในความคิดของเด็ก  เลยไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติธรรมเต็มที่  จะมาสนุกกับเพื่อนๆ มากกว่า  เมื่อได้ปฏิบัติจริงทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ตัวเอง  กลับไปย้อนมองตัวเองในอดีตกับการที่เคยทำให้พ่อแม่เสียใจ  ไม่ยอมตั้งใจเรียน  ทำให้ข้าพเจ้าพลิกชีวิตปรับความคิดตัวเอง มาค้นหาตัวเองว่าเราอยู่เพื่ออะไร   คำสอนจากวัดวะภูแก้วทำให้ข้าพเจ้าปรับตัวเอง กลายเป็นคนละคน  จากเคยทำตัวแย่ๆ  เรียนไม่เอาไหน  ก็ได้ตั้งใจเล่าเรียนเพื่อพ่อแม่และตัวเองจนได้ทำให้ข้าพเจ้าได้มีวันนี้   วันที่ข้าพเจ้าได้มาเป็น “ครู”  ข้าพเจ้าถือว่าสถานที่แห่งนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้ชีวิตใหม่   ทำให้ข้าพเจ้าจดจำความทรงจำดีๆ ที่เคยผ่านมาและได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง  ถ้าผมไม่ได้มาที่นี่ในครั้งนี้  ผมคงเสียใจอย่างมาก  ขอบพระคุณครับ

คุณครูเทิดศักดิ์  ชาญประโคน
โรงเรียนโนนเจริญพิทยาคม อ.โนนเจริญ  จ.บุรีรัมย์

  

  

 


พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วจึงเชื่อ

          ก่อนการมาอบรม  ผมก็ไม่ได้มาอบรมด้วยความเต็มใจ 100%  แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะผมมีภารกิจงานที่ต้องจัดการแข่งขันกีฬาภายในของโรงเรียนประจำปีการศึกษา 2558   ผมก็จะว่าจะเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาไม่ได้ดีเท่าที่ควรเพราะเป็นหัวหน้ากลุ่มสาระของโรงเรียนและมีครูในกลุ่มสาระแค่ 2 คน  ผมจึงเป็นห่วงงานที่โรงเรียนมาก  แต่เมื่อผมได้มาแล้ว  ผมรู้สึกดีใจมากเพราะผมได้ความรู้ใหม่ๆ มากเลยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน  เพราะผมจะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ  จนกว่าจะได้พิสูจน์ก่อน   ผมไม่เชื่อเรื่องจิตจนกระทั่งได้ฝึกสมาธิและได้ประสบการณ์ตรงกับตัวผมเอง   ตอนนั่งสมาธิ ผมเหนื่อยมากจนเหมือนน้ำตาไหลออกมา   เหมือนตัวแยกออกจากกัน  ผมรู้สึกกลัวมาก เหมือนจิตผมกับร่างกายไม่ได้อยู่ด้วยกัน   ผมจึงรีบลืมตาเพราะผมกลัว  จากนั้นอาจารย์ก็ได้อธิบายอาการของจิตในสมาธิแต่ละขั้น   ผมจึงรู้จักคำว่า “สมาธิ” เป็นครั้งแรก  จากที่ผมไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้เลย  ขอบคุณที่นี่ที่ให้ความรู้ใหม่อีกมากมายเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ  ผมจะนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาเด็กนักเรียนของผมต่อไป  ขอบคุณที่ผมได้เจอธรรมที่ดีในชีวิต “Life after life”  สิ่งที่เหมือนกันจะดูดเข้าหากัน  หวังว่าจะได้ธรรมะจากท่านผู้มีบารมีอย่างนี้เรื่อยไปเทอญ

คุณครูเกษม  ทึมกระโทก
โรงเรียนหนองหงส์พิทยาคม อ.หนองหงส์  จ.บุรีรัมย์

 

 

 

 

จุดยูเทิร์นของชีวิต


          เมื่อก่อนนี้ผมชอบทำบุญทำทาน  ตักบาตรตอนเช้า  และปฏิบัติธรรมตามโอกาส  ผมโชคดีที่ได้ไปเติบโตใน จ.อุดรธานี ซึ่งมีพระอริยสงฆ์หลายท่าน  เรียกได้ว่าเติบโตมาในสถานที่ที่เอื้อโอกาสให้ได้ทำบุญสุนทาน

 

          จนกระทั่งเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยขอนแก่น  ความเป็นวัยรุ่น  วัยแห่งความคึกคะนองทำให้ผมได้เปิดโอกาสตัวเองให้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ  เช่น ดื่มเหล้า  สูบบุหรี่  มีแฟน  โกหกพ่อแม่  ใช้เงินเก่ง  ทำอารมณ์ฉุนเฉียวกับพ่อแม่  อาจกล่าวได้ว่าสิ่งไม่ดีต่างๆ ที่ไม่เคยทำในวัยเด็ก   ผมได้ทำทุกอย่าง  แต่ก็ไม่ถึงขั้นเสพยา  หรือไปฆ่าแกงใคร   การทำบุญก็ห่างไปมาก  ทำตามโอกาสที่มีอยู่น้อยนิด   ผมคิดเสมอครับว่า ผมอยากจะลองทำทุกอย่างให้รู้ว่า ทำแล้วมันเป็นอย่างไร  ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นมันไม่ดี

 

          เมื่อจบการศึกษา  ผมสอบบรรจุเพื่อเป็นครู  ทำให้ผมเห็นรอยยิ้มของพ่อเป็นครั้งแรก  ท่านดีใจมากๆ  พอมาทำงาน ก็เกิดปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมายตามธรรมดาของการทำงาน  ผมรู้สึกเบื่อระบบการศึกษาไทย  เบื่อหน่ายระบบการทำงาน  การติฉินนินทากันระหว่างเพื่อนร่วมงาน  ผมเลือกที่จะไม่เล่าปัญหาใดๆ ให้พ่อกับแม่ที่อยู่อุดรฟัง  กลัวท่านจะทุกข์ใจด้วย  ทุกวันนี้มีโอกาสกลับบ้านที่อุดรน้อยมาก  ถ้ามีเวลาว่างผมจะเลือกที่จะไปหาแฟนที่ กทม.  เงินเดือนที่ได้มาก็แทบจะไม่พอใช้เพราะเดินทางไป กทม. บ่อยๆ

  


          ขอบคุณที่คณะอาจารย์วิทยากรช่วยดึงสติผมกลับมา  ผมได้นั่งสมาธิที่จริงจังที่สุดในชีวิต  ผมประทับใจมากที่ผมก้าวข้ามความง่วงนอนของผมได้  ผมเอาชนะตัวเองได้  ผมไม่ได้หวังจะต้องได้ฌานขั้นสูงๆ   ผมหวังแค่  ผมอยากจะทำมากตั้งใจจริงๆ สักครั้ง

 

          ขอบพระคุณพ่อแม่ ที่ทำให้ผมได้เกิดมาในพุทธศาสนา  ครอบครัวที่เลี้ยงดูผมมาและปลูกฝังการทำบุญมาตั้งแต่เด็ก   หากมีโอกาสผมจะตั้งสติเจริญภาวนาทุกที่  และจะระลึกเสมอว่า  ณ ที่นี้  สถานปฏิบัติธรรม  วัดวะภูแก้ว  อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา  คณะอาจารย์ และ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32  ที่กล่าวมาคือผู้ที่มีส่วนสำคัญในการเริ่มต้นกลับมาปฏิบัติตัวให้ดีขึ้น  ขอบพระคุณครับ

คุณครูกิติพัฒน์  คำหนูไทย
โรงเรียนไทยเจริญวิทยา อ.ประคำ  จ.บุรีรัมย์

 

 

 

มีความสุขและไม่เสียใจที่ได้มาที่นี่


          ในครั้งแรกที่ได้รับหนังสือคำสั่งให้มาราชการ ณ ที่แห่งนี้  ความรู้สึกคือ  ไม่ค่อยอยากมาเพราะเคยเข้ารับการอบรมหรือเข้าค่ายแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว และที่สำคัญที่สุดคือ  ต้องเข้าค่ายวันจันทร์ – วันพุธ  ซึ่งข้าพเจ้ามีสอนใน 3 วันแรกของสัปดาห์ค่อนข้างเยอะ  เมื่อนับรวม 3 วันที่มาราชการต้องฝากคาบสอนถึง 16 คาบ  และเนื่องจากรายวิชาที่ข้าพเจ้าสอนเป็นวิชาที่ต้องปฏิบัติ จึงกังวลเป็นอย่างมาก

 

          แต่เมื่อมีคำสั่งต้องมา.. เมื่อมาถึงแล้ว  ได้รับการอบรมจากคณะวิทยากร   การทุ่มเทของวิทยากรที่ต้องการให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้มากที่สุด  ทำให้ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าไม่เสียใจและมีความสุขที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้  ค่ายนี้สอนการเจริญสติ ภาวนา  ทำให้ข้าพเจ้าได้มีเวลาคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา  ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ  การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนนักเรียน ที่ต้องเป็นไปตามแบบแผนซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ต้องเร่งรีบก็ได้

คุณครูเกษแก้ว  วิเศษชาติ
โรงเรียนกระสังพิทยาคม อ.กระสัง  จ.บุรีรัมย์

 

  

  

ได้กำลังใจ  ไม่ท้ออีกแล้ว


          หนูมาที่นี่ด้วยความวิตกกังวลใจอย่างมาก  เนื่องด้วยยังยึดติดกับหน้าที่ที่โรงเรียน  ทั้งงานสอน  งานประเมิน  งานดูแลนักเรียนที่ปรึกษา  มาด้วยจิตที่วุ่นวาย  และคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรกับนักเรียนดี  ทำไมสอนยากบอกยาก พูดดีก็แล้ว  ทำโทษก็แล้ว  พยายามอยากปล่อย ไม่อยากคิด  แต่ก็เก็บมาคิดอยู่ดีว่าเราไม่เหมาะจะเป็นครูกระมัง  เราคงเป็นครูที่ดีไม่ได้   ทำไมเป็นแบบนี้   บางครั้งก็เสียใจจนอยากลาออก “ครู”  ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ  ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว  แต่สุดท้ายได้มีเวลามาคิดมาทำจิตใจให้สงบ  มาฟังอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้มีกำลังใจ  และมีแนวทางที่จะนำไปให้ลูกศิษย์ที่โรงเรียนมากขึ้นและยังทำให้นึกถึงลูกศิษย์ที่เคยสอน (เคยเป็นครูอัตราจ้างที่ ว.เทคนิค ก่อนมาบรรจุเป็นข้าราชการ)   เขาประสบความสำเร็จก็มี  ได้ไปต่างประเทศก็มี ส่งข้อความมาบอกอยากให้กลับไปสอนที่เทคนิคเหมือนเดิม   คิดถึงอาจารย์

 

          การมาครั้งนี้ทำให้มีแนวทางในการดำเนินชีวิตมากขึ้น  มีแนวทางที่จะนำไปช่วยเด็กๆ นักเรียนอีกหลายคน  ทำให้คิดได้ว่าเราต้องทำให้ดีที่สุด  ทำให้มากที่สุด  แต่สุดท้ายแล้ว  ชีวิตเราเป็นของเรา  ชีวิตเขาเป็นของเขา  เราทำได้เพียงแค่สอนชี้แนะ และแนะนำทางที่ดี

 

          ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เรียกสติเด็กผู้หญิงคนนี้  กลับคืนมาให้ไม่ท้ออีกต่อไป แต่จะขอทำให้ดีที่สุดค่ะ

คุณครูนันทิยา  ธาสถาน
โรงเรียนบ้านกรวดวิทยาคาร   อ.บ้านกรวด  จ.บุรีรัมย์

  

  

  

คำตอบที่ได้... คือไม่ผิดหวัง


          เป็นครั้งแรกที่ได้มาวัดนี้  ตอนแรกที่มาเห็นก็รู้สึกว่าวัดนี้สงบดี  บรรยากาศสบาย  และหวังว่าวัดนี้น่าจะให้ความสงบกับเราได้ เพราะเคยไปปฏิบัติธรรมมาหลายวัด  แต่ก็มีน้อยนักที่จะชื่นชอบ และ ให้ความสงบทางใจได้จริง ๆ

 

          พอได้มาเห็นวิทยากรก็มีแต่คนอายุเยอะแล้ว และมีไม่กี่คน คณะครูมาเป็นร้อย  คิดว่าการอบรมนี้จะได้ผลดีจริงหรือ   คณะคุณครูก็เอารถมาเองก็เยอะ อบรมไปก็คงจะมีคนหนีไปเที่ยวบ้าง  นี่คือคำถามที่รอการพิสูจน์

 

          และแล้วก็ได้คำตอบว่า วัดนี้ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่ไม่ผิดหวังจริง ๆ  สิ่งที่ไม่เคยได้รู้ก็ได้รู้  ไม่เคยได้เห็นก็ได้เห็น  ได้รู้เรื่อง บาป-บุญ  นรก สวรรค์  เพิ่มมากขึ้น  จิตใจก็สงบจริง  คณะคุณครูก็อยู่อบรมด้วยกันจนครบ   คณะคุณครูทุกท่านก็น่ารักมาก  ท้ายนี้ก็อยากขอบคุณ สพม.32 จริงๆ ที่ทำให้ได้มารู้จักวัดนี้

คุณครูละมุด
โรงเรียนพุทไธสง   อ.พุทไธสง  จ.บุรีรัมย์

  


 

อยู่วัดแล้วมีความสุข


          จากการมาอบรมในระยะเวลา 2 คืน  3 วัน  ในครั้งนี้   ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจทั้งสถานที่ที่ร่มรื่น บรรยากาศดี   เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง อีกทั้งวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถ  น้ำเสียงไพเราะน่าฟัง   เรื่องที่อบรม หรือเล่ามาล้วนแล้วแต่น่าติดตาม และปฏิบัติตาม

 

          ที่แห่งนี้ทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนทัศนคติ  จากที่ข้าพเจ้าเคยอบรมจากที่อื่น  ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกเหนื่อยและเบื่อการอบรมคุณธรรมในวัดมาก   ต้องนั่งสมาธิ  นั่งฟังพระเทศน์  นอนดึก  ตื่นเช้า  มีการลงโทษต่าง ๆ  แต่สำหรับที่นี่ไม่ใช่อย่างที่คิด  เรื่องที่อบรม วิทยากร และการปฏิบัติต่างๆ  ล้วนแล้วแต่ดีมีประโยชน์ทั้งสิ้น  ไม่ทำให้การอยู่วัดน่าเบื่อแต่กลับทำให้การอยู่วัดนั้นมีความสุข

 

          หลังจากการอบรมนี้ ข้าพเจ้าจะนำสิ่งที่ได้ไปพัฒนาลูกศิษย์ของข้าพเจ้า  พัฒนางานและพัฒนาตนเอง  จะรักษาศีล 5  และถ้ามีโอกาส ข้าพเจ้าจะนำนักเรียนมาที่นี่  หรือไม่ก็จะหาโอกาสมาอีกแน่นอน

คุณครูสุวิสา  พรหมเตะ
โรงเรียนเหลืองพนาวิทยาคม   อ.นางรอง  จ.บุรีรัมย์

  

  


ปัญหาสังคมจะลดลง ถ้ามีการปฏิบัติธรรม


          ในยุคปัจจุบัน  ศีลธรรมเสื่อมลง  ประเทศไทยประสบปัญหาทั้งด้าน เศรษฐกิจ  สังคม  การเมือง การปกครอง และการศึกษา  หลายปีมานี้เรามีเป้าหมายและมุ่งหวังพัฒนาในทุกๆ ด้าน  โดยเน้นที่วัตถุเป็นหลัก  การค้าขายต้องส่งออกไปยังต่างประเทศ  การศึกษาแข่งขันกันสูงเพื่อให้ได้มาตรฐานที่วางเอาไว้  โดยยึดตัวเลขและสถิติเป็นหลัก  การตัดสินคุณค่าของทรัพยากรบุคคลในหน่วยงานต่างๆ  ดูจากแผ่นกระดาษที่ทำขึ้นมา  ปั้นแต่งขึ้นมา  โดยเราลืมคิดไปว่า  “ชีวิตมนุษย์เราเกิดมาทำไม”  เราแก่งแย่งชิงดี  ชิงเด่น เพราะอะไร  ในยุคนี้หลายคนอาจทำไปเพราะเงิน  เพราะเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง  สามารถทำให้ชีวิตเรามีความสุขซึ่งเป็นความคิดที่ผิดและทุกคนลืมคิดไปว่าสิ่งที่มนุษย์ต้องการไม่ใช่แค่เพื่อความสุขในชีวิตขณะยังมีลมหายใจเท่านั้น   แต่เราควรสนใจชีวิตหลังความตายด้วย เพราะตายไปเราไม่สามารถเอาทรัพย์สมบัติหรืออะไรไปได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว

 

          ในฐานะที่เป็นคุณครู  ได้เห็นปัญหาใหญ่ที่สุด ที่เราควรให้ความสำคัญคือ  เด็กๆ ของเรา ซึ่งต่อไปต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่และมีความสำคัญ  เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ มีคุณภาพด้อยลงเรื่อยๆ  โดยเฉพาะทางด้านศีลธรรม  เด็ก ๆ ไม่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้  มีค่านิยมที่ผิด  ถ้าในประเทศของเรามีสถานปฏิบัติธรรมและฝึกจิต เช่น วัดวะภูแก้ว แห่งนี้ ปัญหาของประเทศเราคงทุเลา และเริ่มดีขึ้น  ขอบคุณวิทยากรที่เปิดตาแห่งแสงธรรมให้กับครูทุกคนเพื่อจะได้นำไปสั่งสอนศิษย์และ นำไปใช้กับการประพฤติปฏิบัติตนในการดำรงชีวิตของตนเองอย่างถูกต้องตามศีลธรรมและหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

คุณครูสิริจันทร์ นิสภนันต์
โรงเรียนเมืองแกพิทยาคม   อ.สตึก  จ.บุรีรัมย์

 

 

 

รู้สึกดีกับที่นี่


           เริ่มแรกที่เมื่อทราบว่าจะได้มาเข้าค่ายอบรมธรรมะ  ผมรู้สึกไม่ค่อยดี (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าที่ไหน)  เพราะผมได้เคยมีประสบการณ์การเข้าค่ายอบรมธรรมะในอีกที่หนึ่ง  ที่สั่งสอนให้เพ่งดวงแก้ว   บริจาคเงินเยอะๆ จึงจะได้บุญเยอะ  มีพิธีแปลกๆ  ไม่มีเดินจงกรม  ไม่ค่อยเน้นปฏิบัติธรรม  แต่พอผมได้มาอบรมที่วัดวะภูแก้ว  ได้ความรู้สึกดีๆ เกี่ยวกับการอบรม   การนั่งสมาธิทำให้ผมเข้าใจในเรื่องธรรมะดีขึ้นมากๆ เลยครับ  มีการเดินจงกรม  ฟังเทศน์ปฏิบัติธรรม  ทำวัตรเช้า-เย็น  รวมถึงการระลึกถึงบุญคุณพ่อ แม่ ครู-อาจารย์  ผมได้กลับคิดทบทวนเรื่องต่างๆ ในชีวิต กว่าจะมีวันนี้ผมได้ทำอะไรไม่ดีไว้บ้าง   เคยทำให้พ่อ แม่ เสียใจ   พอขอเงินแม่ก็หายืมเขามาให้  ไม่เคยบ่น มีแต่ให้กำลังใจ อยากให้เรียน  แต่ผมก็เอาเงินไปกินเหล้า เลี้ยงเพื่อน  พ่อ แม่ประหยัดเพื่อเรา  ให้เรากินแต่ของดีๆ แต่ท่านเอากับข้าวเก่ามาอุ่นกิน   กลับไปนี้ผมจะตั้งตัวใหม่  จะไม่ทำตัวแบบเดิมอีก  และจะตั้งใจทำตัวให้พ่อแม่ภูมิใจและมีความสุขเพื่อตอบแทนพระคุณของท่าน   ผมสัญญาครับ

 

          สมาธิจะทำให้เรามีสติ  มีหลักการคิด  และระลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาก  รู้ว่าอะไรควรทำ  อะไรไม่ควรทำ  ทำให้เราเป็นคนดีขึ้น   ดีจริงๆ ด้วย


คุณครูกานต์ เลิศไกร
 โรงเรียนคูเมืองวิทยาคม   อ.คูเมือง  จ.บุรีรัมย์

  

  


ไม่เห็นน่าเบื่อเลย


           เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติธรรมนานที่สุดในชีวิต  ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้มาที่นี่ ข้าพเจ้ารู้สึกไม่ชอบการนั่งสมาธิ   การเข้าค่ายธรรมะ  ในความคิดรู้สึกมันน่าเบื่อ  เราต้องนั่งสมาธิเดินจงกรม  ตื่นแต่เช้าเพื่อมาสวดมนต์  ข้าพเจ้าและเพื่อนครูอีก 4 ท่านได้เดินทางมาที่วัดวะภูแก้วก่อนเข้าอบรม 1 วัน   เพราะทุกคนไม่เคยเดินทางมาที่นี่เลย  เมื่อมาถึงเห็นนักเรียนและเด็กตัวเล็กๆ กำลังอบรมอยู่  และหน้าตาเด็กนักเรียนดูยิ้มแย้มแจ่มใส  ข้าพเจ้าสงสัยทำไมเด็กๆ  ถึงยิ้มแย้มแจ่มใส  หน้าตาดูมีความสุขในการอบรม  ข้าพเจ้าได้เดินไปถามเด็กคนหนึ่งที่นั่งรอเพื่อนว่า  อบรมธรรมะเป็นอย่างไรบ้างคะ  เด็กคนนั้นยิ้มและตอบข้าพเจ้าว่า  สนุกและมีความสุขมากค่ะ  ข้าพเจ้านึกแย้งในใจว่าจะสนุกได้อย่างไร   เรามานั่งสมาธิ ไม่ได้มาเที่ยว

 

          วันแรกของการเข้าอบรมข้าพเจ้าก็ยังไม่มีความรู้สึกว่าอยากอบรมในครั้งนี้   คิดว่าทำไมถึงจัดให้อบรมนานขนาดนี้  เมื่อถึงเวลาเข้าอบรมข้าพเจ้ารู้สึกเป็นทุกข์   แต่เมื่อได้รับการอบรมจริงๆ  ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อนะ  เราไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวที่ท่านอาจารย์ได้เล่าให้ฟังและคิดตาม  เมื่อได้นั่งสมาธิและเดินจงกรม รู้สึกว่าจิตใจเราสงบขึ้น  อยากนั่งอยู่อย่างนี้นานๆ และอยากอยู่ต่ออีกสักหลาย ๆ วัน

คุณครูศิริรัตน์ อนันต์
 โรงเรียนตาจงพิทยาสรรค์   อ.ละหานทราย  จ.บุรีรัมย์

  


 

ปั้นดินให้เป็นดาว


          ครั้งแรกที่ได้รับทราบว่า  จะต้องมาเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมนั้น  รู้สึกว่า อีกแล้วเหรอ  เพิ่งไปอบรมของคุรุสภาเขตพื้นที่ อ.กระสัง  จ.บุรีรัมย์มาเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วนี้เอง  ซึ่งครั้งนี้ก็คงจะไม่แตกต่างอะไรมากนัก   ไปอบรมกลับมาก็เหมือนเดิม  แต่พอมาถึงวันที่จะต้องออกเดินทาง  ดิฉันตื่นตั้งแต่เช้า ประมาณตี 5 กว่าๆ  ก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วมารอขึ้นรถตู้ที่โรงเรียน  มีความรู้สึกว่า อยากมามาก  อยากไปให้ถึงวัดเร็วๆ  เมื่อไหร่เพื่อนๆ จะมาครบสักที  เมื่อไหร่รถจะออก  เมื่อไหร่จะไปถึง  โห  อยู่ตั้งโคราชโน่นแน่ะ

  


          พอมาถึงวัด  รับรู้ถึงความร่มเย็น ร่มรื่น  ที่แห่งนี้หรือที่เราจะมาอยู่ 3 วัน  หลังจากเก็บสัมภาระ และเข้ามาที่ศาลา  เห็นคุณป้าคนหนึ่ง ดูจะวุ่นวายกว่าเขา  จัดแจงสั่งโน่นนี่ ในใจก็คิดว่า ป้าคนนี้คงจะเป็นผู้ดูแลสถานที่ล่ะมัง  จึงดูเจ้ากี้เจ้าการจิง  แล้วปากท่านก็พร่ำแต่บอกให้หยิบหนังสือไปอ่าน  ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว  ก็เริ่มหยิบมาอ่านทีละเล่มสองเล่ม เออแฮะ  หนังสือแต่ละเรื่องที่ท่านแนะนำล้วนได้ข้อคิดอะไรดีๆ ทั้งนั้น  บางเรื่องอ่านแล้วก็สะเทือนใจมากจนคิดว่า  กลับไปจะต้องไปเล่าให้คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงานและลูกศิษย์ฟัง

  


          หลังจากนั้น ก็เริ่มดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามลำดับขั้นตอนของวัด  รู้สึกประทับใจในทุกๆ ขั้นตอน   พลังที่ตัวท่านได้ถูกถ่ายทอด เผื่อแผ่มาถึงพวกเรา  ทำให้รู้สึกว่า  การมาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้คงจะไม่เสียเปล่าเหมือนครั้งก่อนๆ ที่เคยผ่านมา  เพราะครั้งนี้ได้ฝังความรู้สึกทุกอย่างไว้ที่จิตและจะระลึกไว้เสมอ ถึงสิ่งที่ท่านได้อบรมสั่งสอน  ตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงนาทีสุดท้ายนี้

  


          สุดท้ายนี้  อยากจะบอกท่านคณะวิทยากรว่า  ขอบคุณค่ะที่ช่วยขัดเกลาจิตใจของหนูให้ผ่องใสขึ้น เปรียบเสมือน ลูกแก้วที่เปื้อนดิน  แล้วท่านเอามาล้างน้ำให้สะอาดใส

คุณเขมิกา เอี่ยมสะอาด
 โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก     อ.ละหานทราย  จ.บุรีรัมย์
 


Last Updated on Tuesday, 22 September 2015 05:02
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner