Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของนักเรียนที่วัดวะภูแก้ว ประจำปี 2553
ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของนักเรียนที่วัดวะภูแก้ว ประจำปี 2553
Monday, 29 November 2010 11:37

ชีวิตเปลี่ยนได้ที่นี้

 

         เมื่ออดีตที่ผ่านมา...ข้าพเจ้ามีช่วงชีวิตที่แสนจะตกต่ำที่สุด คือ ช่วงที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ข้าพเจ้ามีนิสัยชอบเที่ยวและ ติดเพื่อน เข้าแต่สถานบันเทิง เสพสุราและบุหรี่ โดยแทบไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งเงินที่ได้มาก็เป็นเงินที่เพื่อนได้มาอย่างไม่บริสุทธิ์เท่าไรนัก ส่วนที่นอนข้าพเจ้าก็จะ ตระเวนนอนตามบ้านเพื่อนบ้าง โรงแรมบ้างหอพักบ้าง เหตุที่ทำไปก็เพื่อประชดพ่อแม่ที่แยกทางกันแล้วให้มาอาศัยอยู่กับย่าและปู่ จนเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าไม่เข้าเรียน และ ติดศูนย์(0) , มผ. เกือบ 20 ตัว เกรดต่ำมาก (0.8) แต่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้สึกอะไร จนวันหนึ่งแม่ทราบข่าวจึงพาข้าพเจ้าไปอยู่ด้วย แม่จึงขอร้องทั้งน้ำตา และ แทบจะกราบข้าพเจ้าให้แก้ศูนย์และเรียนต่อชั้นมัธยม 4 ให้แม่ ข้าพเจ้ารู้สึกลำบากใจ จึงรับปากแม่ไป แล้วคิดว่าคงทำไม่ได้หรอกเพราะหมดเขตรับสมัคชั้น ม.4 อีกแค่ 1 เดือน ข้าพเจ้าสู้และพยายามสุดๆ สุดท้ายก็ได้เข้าชั้นมัธยม 4 สายศิลป์ ก็ไม่ได้เรียนดีอะไรเกรดก็ 2 ต้นๆ จนวันหนึ่งโรงเรียนได้จัดให้มีการฝึกอบรมพัฒนาจิตที่วัดวะภูแก้ว ตอนแรกๆก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะก็ต้องไปตามที่ครูบอกอยู่แล้ว

 


          เมื่อมาถึงวันวะภูแก้ว บรรยากาศดีมาก แต่ก็ทรมานเช่นกันเพราะต้องสวดมนต์นานๆ นั่งสมาธิฟังบรรยาย ทำให้ข้าพเจ้าต้องผ่อนคลายโดยการสูบบุหรี่กับเพื่อนๆ ต่อมาประมาณวันที่ 3 รู้สึกตัวเองแย่มากเนื่องจากการฟังบรรยายจากวิทยากร และ การอบรมสั่งสอนของ ดร.ดาราวรรณ แล้วนึกได้ แล้วเริ่มทำตัวดีขึ้น จนมาถึงวันที่ 4 ได้ฟังบรรยายเรื่องพระคุณอันยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องแม่ ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความลำบากของแม่ที่อดทนเพื่อข้าพเจ้ามามาก เพราะ แม่ต้องเลี้ยงน้องและข้าพเจ้าอยู่คนเดี่ยว ส่วนพ่อก็สบายมีเงินเดือนมากแต่ก็ไม่สนใจ ข้าพเจ้า น้อง และ แม่ เลย ข้าพเจ้าจึงคิดได้อยู่นาน กับสิ่งที่ข้าเจ้าได้ทำอะไรที่ไม่ดีไปสารพัด และข้าพเจ้าคิดว่าต้องต้องตอบแทนทั้งบุญคุณแม่ และ พ่อ ก่อนจะสายไป

 


          เมื่อข้าพเจ้ากลับบ้านข้าพเจ้าได้นำประสบการณ์ และ สิ่งดีๆ ที่ทำในวัดวะภูแก้วไปใช้ เช่น สวดมนต์ นั่งสมาธิ เคารพตอบแทนบุญคุณพ่อแม่บ้างเมื่อมีโอกาส อีกทั้งยังนำวิธีของพี่ปุ้ยไปใช้ในการเรียน จนทำให้เกรดของข้าพเจ้าเพิ่มขึ้นเป็น 3.84 และ รักษาระดับเกรดต่อมาได้เรื่อยๆ แม่ของข้าพเจ้าดีใจ และ มีความสุขมากที่ข้าพเจ้ารู้จักสำนึกได้จนทำให้ข้าพเจ้ามีแรงสู้ต่อไป


          จนกระทั้งเข้ามหาวิทยาลัย ข้าพเจ้าได้ใฝ่ฝันไว้สูงมาก โดยหวังจะเข้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข้าพเจ้าจึงตั่งหน้าตั่งตาอ่านหนังสือ สวดมนต์ นั่งสมาธิ หนักพอสมควร แต่ข้าพเจ้าก็ทำไม่ได้ตามที่หวังไว้ ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นเพราะกรรมเก่าที่ทำให้ข้าพเจ้าผิดหวังในครั้งนี้

 


          แต่ถึงอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่ย่อท้อ และ ก็สอบได้คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และ ข้าพเจ้าก็ตั้งจุดหมายว่า    “อดีตที่เคยผิดพลาด ก็เป็นครูสอนให้ข้าพเจ้ารู้ถึงสิ่งที่ถูกผิด และ มุ่งมั่นทำดีต่อไป” เมื่อข้าพเจ้าได้เรียนก็เรียนได้ในระดับหนึ่งซึ่งก็ดีพอสมควร และ ข้าพเจ้าก็จะทำดีต่อไปจนประสบผลสำเร็จดังที่มุ่งไว้จริงๆ และ ผลพลอยได้ก็คือ พ่อกลกับมาให้ความสนใจ และ ช่วยเลี้ยงดู ข้าพเจ้าเหมือนเดิม และ ต่อไปชีวิตของข้าพเจ้าจะมีคำว่า “อดทน” และ “เรียนรู้”เพื่อความสำเร็จ และ ข้าพเจ้าก็จะไม่ลืมวัดวะภูแก้ว ที่ช่วยให้ข้าพเจ้ามีวันนี้ได้ และ ขอขอบพระคุณวัดวะภูแก้วที่ทำให้ข้าพเจ้าได้ดี ใน อนาคตสืบไป

 

นางสาวศลิยา  เพชรแก้วสุข
ศิษย์เก่าโรงเรียนสิรินธร จังหวัดสุรินทร์
ปัจจุบัน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี


ตามรอยพี่ชาย

           ข้าพเจ้าไม่เคยมาวัดวะภูแก้วมาก่อนเลย แต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พี่ชายสุดที่รักของข้าพเจ้าเคยมาวัดแห่งนี้ พี่ชายของข้าพเจ้าเป็นเด็กที่การเรียนธรรมดามาก เกราดเฉลี่ยอย่างมากก็แค่ 2 ต้นๆ แต่พอตอนขึ้น ม.4 ทางโรงเรียนจัดโครงการมาอบรมที่วัดแห่งนี้ พี่ชายของข้าพเจ้าเลยได้มีโอกาสมาอบรมที่นี้   หลังจากที่กลับไปพี่ชายของข้าพเจ้าได้ไปกราบเท้าพ่อแม่ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน และ เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนจนตอนมัธยมปลายดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเพราได้เกดถึง 3.80 เลยที่เดี่ยว จนพอถึงตอนที่ต้องสอบเอ็นท์ เข้ามหาวิทยาลัย พี่ชายของก็ได้เอ็นท์ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จนทำให้พ่อแม่ตลอดจนคนรอบข้างภูมิใจในตัวพี่ชายคนนี้ของข้าพเจ้ามาก จากการที่พี่ชายของข้าพเจ้าเป็นคนดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อจึงทำให้ข้าพเจ้าอยากมาวัดนี้ดูบ้าง


          แล้ววันหนึ่งความหวังของข้าพเจ้าก็เป็นจริงเมื่อทางโรงเรียนได้จัดโครงการมา ณ วัดแห่งนี้ ข้าพเจ้าดีใจมากที่ได้มาในวันนี้ที่ต้องกลับบ้านข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าข้าพเจ้าชอบที่นี้ขึ้นมาแล้ว ข้าพเจ้าอยากจะมีโอกาสกลับมาที่วัดนี้อีกและเมื่อข้าพเจ้ากลับไปข้าพเจ้าจะปฏิบัติตนเป็นคนดีตามแบบอย่างพี่ชายของข้าพเจ้าให้ได้

นางสาวจรินทร  ประยูรสุข
มัธยมศึกษาปีที่ 4/5
โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล
23 พ.ค. 53


แม่จ้างมา

          เมื่อผมรู้ข่าวว่าทางโรงเรียนจะจัดการเข้าค่ายคุณธรรมที่วัดวะภูแก้ว ผมรู้สึกมันน่าเบื่ออย่างไรก็ไม่รู้ ผมคิดว่าผมจะออกจากโรงเรียน ไม่อยากเรียนที่โรงเรียนนี้ผมไปขอร้องแม่ว่าจะย้ายโรงเรียนซึ่งโรงเรียนพึ่งเปิดได้อาทิตย์เดี่ยวเอง เสื่อผ้าก็ซื้อไว้ครบแล้ว ผมรู้สึกเบื่ออย่างไรก็ไม่รู้อยากย้ายโรงเรียนไปเรียนที่โรงเรียนอื่น


          ก่อนผมจะมาที่นี้ผมคุยกับแม่ว่าผมอยากไปเรียนที่วิทยาลัยสายอาชีพแห่งหนึ่ง เพราะ เป็นสายอาชีพ และ เพื่อนๆก็เรียนอยู่ที่นั้น ซึ่งโรงเรียนที่เรียนอยู่เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดและมีชื่อเสียง และแม่ก็อยากให้เรียน ก่อนวันจะมาผมได้เถียงกับแม่ว่าไม่ให้ไปเรียนที่ วิทยาลัยสายอาชีพแห่งหนึ่ง ผมโกรธมาก ไม่อยากคุยด้วย แม่ผมต้องโดนเพื่อนบ้านว่า “ลูกเธอทำไมถึงย้ายโรงเรียน” ทำไมถึงโง่ให้ลูกย้ายไปเรียนที่นั้น แม่ผมก็โดนเพื่อนบ้านนินทา เพราะผมคนเดี่ยวที่ทำให้แม่ทุกข์ใจ


          วันจะมาผมไม่อยากมา ผมตื่นสายมาก แม่ก็มาปลุก มาเกลี้ยกล่อม ให้ไปเข้าค่ายแต่ผมไม่อยากไป แม่จึงจ้างไปเข้าค่ายเพราะอยากให้ได้ดี พอผมมาถึงผมรู้สึกอยากจะกลับบ้าน วันแรกก็รู้สึกเหนื่อย อึดอัด พอหลายๆวันต่อมาก็รู้สึกดีขึ้น และ รู้สำนึกของพระคุณมารดาที่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กๆ ตอนท่าน ดร.เปิดเทปเรื่องแม่ผมรู้สึกน้ำตาไหล ที่ทำกับแม่ไว้ ผมไม่อยากไปโรงเรียนแม่ก็จ้างไป ขนาดไปโรงเรียนยังต้องจ้างไป พออยู่โรงเรียนก็เบื่อเพราะไม่มีเพื่อนเล่น หนีเรียน


          ต่อไปผมจะไม่ทำให้แม่ต้องทุกข์ใจและเสียใจอีกแล้วครับ

นายปรีดา  พงค์สมบูรณ์
โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล
มัธยมศึกษาปีที่ 4/4
25/5/53
                                          



รางวัลเป็นเพียงผลพลอยได้

          เมื่อได้ยินข่าวว่าจะได้มาปฏิบัติธรรม ดีใจและ เต็มใจมา แต่พอรู้ว่าจะได้มาตั้ง 5 วัน เริ่มท้อ คิดว่า จะกินยังไง จะนอนยังไง ไหนจะห้องน้ำอีกหละ ยิ่งพอเดินทางมาไกลมาก พอเห็นทางเข้าวัด ใจมันเริ่มท้ออีกแล้ว อะไรกันนี้ อยู่ในเขาเลยหรือ แต่พอมาแล้วผิดคาด ทุกอย่างดีหมดไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้เลย อาหารอร่อย ห้องน้ำสะอาด วิวสวยมาก ที่นี้เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก


          ได้ประสบการณ์คือการนั่งสมาธิ ไม่เคยนั่งนานขนาดนี้มาก่อนเลย มีการนั่งสมาธิแข่งกันเพื่อเอารางวัล แรกๆเราก็อยากได้รางวัลจึงนั่งทน แต่พอตั่งใจนั่ง ไปแล้วมันสบายจริงๆนะ ตัวเบาเลย รู้ว่ารางวัลไม่สำคัญแล้ว มันเป็นผลพลอยได้เท่านั้น ผลจริงๆ ของมันคือ ความสงบ


          ได้ระลึกพระคุณแม่ด้วย ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยร้องให้เลยเวลาพูดเรื่องแม่ เพราะเราไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลยไม่ร้องให้ แต่พวกที่มาที่นี้ได้ฟังเรื่องแม่ทำงานเพื่อเรา คราวนี้แหละร้องให้เลย ร้องหนักกว่าเพื่อนด้วย


          ถ้าเป็นไปได้อยากกลับมาที่นี้อีกครั้ง อยากให้ทุกคนลองมาดู มันดีจริงๆนะ (อิ่มบุญจริงๆ)

 

นายกรฤธิ์  เกิดสมบรูณ์
มัธยมศึกษาปีที่ 4/12 เลขที่ 1
โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล
25 / พ.ค / 2553
              


ภูมิใจในความเพียร

 

          ค่ายนี้เป็นค่ายอบรมพัฒนาจิตใจที่ดีมาก ครั้งแรกก็มีความคิดเหมือนเพื่อนๆ ทุกคน คือ ไม่อยากมา แต่พอได้มาแล้วก็ เริ่มพยายามตั้งใจ ปฏิบัติตามที่วิทยากรบอก 2 วัน แรก ผมรู้สึกสนุกดี มีความสุขที่ได้มาปฏิบัติธรรม ผมพยายามบอกตัวเองว่า ให้อดทนกับสิ่งที่ทำ  ทุกครั้งที่สวดมนต์ทำวัดเช้า และ เย็น ผมนั่งท่าเทพบุตรมาได้ตลอดโดยมีความเจ็บปวดมาก ทรมาน แต่จิตใจของผมยังอดทนไว้จนถึงที่สุด และ ตอนเดินจงกรม และ นั่งสมาธิ ผมปวดหลัง และ หัวเข่ามาก แต่ผมก็อดทนนั่งจนเสร็จ แลละจากนี้เองทำให้ผมรู้ว่า เข้าใจเลย ความสำเร็จที่ได้มาจากความเพียรพยายามของเรานั้นมันมีความภูมิใจมาก ภูมิใจอย่างยิ่งกับการทำสำเร็จ  ไม่รู้มาก่อนเลยว่า ความสำเร็จบนความเหนื่อยยากของเราจะทำให้เรารู้สึกดีขนาดนี้


          จากประสบการณ์นี้ ผมจะนำหลักการพัฒนาจิต จากที่นี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันของผม เพื่อครอบครัวของผม อนาคตการเรียนของผม และ จิตที่มีพลังเข้มแข็งของผม


          ขอขอบคุณคุณครูและวิทยากรทุกคนที่ได้ให้แง่คิดอะไรหลายๆอย่างมากมาย จนให้ผมได้รู้จริงในจุดประสงค์หลักของการอบรมในครั้งนี้ คือ ความสงบ

นายทัตเทพ  กู้ภูเขียว
มัธยมศึกษาปีที่ 6/5 เลขที่ 20
โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล


ดีขึ้นหลายอย่าง

 

          ข้าพเจ้าชอบการสวดมนต์ และนั่งสมาธิ เพราะอยู่บ้านข้าพเจ้าก็สวดมนต์ตามวิทยุที่เขาเปิด และนั่งสมาธิบ้างเป็นบ้างครั้งแต่นั่งได้ไม่นาน แต่พอมาวัดก็นั่งได้นานขึ้น


          ข้าพเจ้าเป็นคนวอกแวก ตกใจง่าย หวั่นไหวง่าย แต่พอมาวัดวะภูแก้ว ก็นั่งสมาธิ การนั่งสมาธิครั้งแรกได้ยินเสียงหมาร้องก็ตกใจ แต่พอได้นั่งฟัง ดร.ดาราวรรณ เล่าให้ฟังเรื่องที่พ่อของท่านเสีย และ ครอบครัวที่ พ่อ แม่ ตาย ตอนเกิด สึนามิ ตั้งแต่นั้นข้าพเจ้าก็ไม่ตกใจเวลามีเสียงอะไรเกิดขึ้น


          ข้าพเจ้าสำรวมขึ้น เพราะเดิมข้าพเจ้าเป็นคนกระโดกกระเดก


          ข้าพเจ้าเคยโกรธพ่อแม่ เมื่อ ดร.ดาราวรรณ  บอกว่า แค่ท่านให้กำเนิดเรามาเป็นคน ท่านก็ลำบากมากพอแล้ว ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองเป็นลูกกำพร้า คนนั้นไม่ได้กำพร้าเพราะใจเราไม่ได้กำพร้า ศีลธรรม ความดี


          เราต้องเป็นคนตรงต่อเวลา ที่นี้สอนให้เรามีวินัย เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะเราต้องตรงต่อเวลา มีระเบียบวินัย เมื่ออยู่ร่วมกันในสังคม

 

นางสาวศุภลักษณ์  พูนนอก

นางสาวศุภลักษณ์  พูนนอก
มัธยมศึกษาปีที่ 5/1   
โรงเรียนจักราช
14 กันยายน 2553


ถ้าไม่มีการเข้าค่าย ก็ไม่มีผมในวันนี้

 

          วันที่ 9 กันยายน 2553 ก่อนวันที่จะไปวัดวะภูแก้ว ผมได้ทะเลาะกับ พ่อ แม่ จนทำให้แม่ร้องให้ เพราะการพนัน ผมเสียใจมาก จนทำให้ผมร้องให้ เพราะน้อยใจพ่อ แม่ ที่ด่า ว่า ผม ตอนนั้นผมอยากหนีไปให้ไกล คืนนั้นผมร้องให้ พอถึงตอนเช้า แม่มาบอกให้ผมไปเค้าค่าย ผมบอกแม่ว่า ไม่ไปยังไงๆก็ไม่ไป ผมบอกแม่อย่างนั้น แม่ก็ขอร้องให้ผมมาผมก็เลยมา ผมเลยเชื่อแม่
 

         วันที่ 11 ก.ย. 53 ผมนั่งสมาธิ ผมอึดอัดมาก และคิดในใจว่า อยากกลับบ้าน
         วันที่ 12 ก.ย. 53 ผมเริ่มนั่งสมาธิได้มากกว่าเดิม แต่ก็อยากกลับบ้านเหมือนเดิม
         วันที่ 13 ก.ย. 53 ผมซาบซึ้งมากเพราะ ดร.ดาราวรรณ เปิดเรื่องแม่ให้ผมฟัง จนทำให้ผมน้ำตาไหล
         วันที่ 14 ก.ย. 53 วันนี้ผมจะได้ไปทำความดีกับพ่อแม่ ถ้าไม่มีการเข้าค่ายผมก็ไม่มีวันนี้

 

นายวิษณุ  ยุติรักษ์

นายวิษณุ  ยุติรักษ์
มัธยมศึกษาปีที่ 5/7
 โรงเรียนจักราชวิทยา


อาจารย์สอนว่า...

          ในวันแรกที่ผมเข้าวัดวะภูแก้ว ผมก็รู้สึกรำคาญในการนั่งสมาธิในการสวดมนต์ ในทุกๆวันต้องตื่นแต่เช้าขึ้นมาสวดมนต์ แต่พอวันที่สอง ผมรู้สึกว่า ในการนั่งสมาธิมันดีจริงๆ แต่ว่านั่งสมาธินั้นอาจจะรู้สึกเจ็บขาบ้างแต่เราก็อดทนไว้แล้วเราก็รู้สึกดี เพราะว่าทำจิตใจให้สงบ ทำให้ไม่ต้องคิดมาก ทำตัวสบาย บางครั้งนั่งสมาธิอยู่เรารู้สึกว่าตัวเราสั่นไปทั้งตัวที่จริงแล้วตัวของเราไม่สั่นเลยมันสั่นเพราะจิตเราคิดไปเอง


          วันสุดท้าย “ผมรู้แล้วว่าทำไมอาจารย์จึงให้เรานั่งสมาธิ เพื่อทำจิตใจให้สงบ เมื่อจิตสงบแล้วจะเกิดปัญญา” อาจารย์บอกว่า “การที่เรานั่งสมาธิ เราก็สร้างบุญไปด้วยเป็นบุญมากมาย” อาจารย์สอนให้เราแผ่เมตตาให้เราอุทิศบุญให้กับญาติ พี่น้อง คนที่รู้จัก เจ้ากรรมนายเวร พอผมแผ่เมตตาเสร็จแล้วผมก็รู้สึกสบายใจ อาจารย์สอนอีกว่านรก สวรรค์ มีจริง ผมนั้นเชื่อว่านรกและสวรรค์ มีจริง เมื่อก่อนเราทำบาปด้วยเราจะลบบาปเราทำไม่ได้เพราะบาปไม่มีวันลบได้ เว้นแต่ เราจะทำบุญให้เป็นต้นทุนกำไรชีวิต ผมชอบวัดวะภูแก้วครับ ถ้ามีโอกาสจะมาอีกครับ

 

นายธวัชชัย  สิริพงค์


นายธวัชชัย  สิริพงค์ 
มัธยมศึกษาปีที่ 5/9
วันที่ 14 กันยายน 2553
โรงเรียนจักราชวิทยา


ตอนมาถูกบังคับ.........................ตอนกลับสมัครใจ

 

          เริ่มได้รู้สึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของ พ่อ และ แม่ ครู อาจารย์ รู้สึกซาบซึ้ง เป็นอย่างมาก อยากกลับบ้านเร็วๆ เพราะคิดถึง พ่อแม่ อย่ากกลับไปกอดทานมากเหลือเกิน  และ รู้สึกผิดที่ชอบน้อยใจแม่ ว่าแม่รักน้องมากกว่าตัวเอง ซึ่งพ่อก็เคยบอกหลายๆครั้งว่าแม่ก็รักเรา แต่เราเป็นลูกคนโตต้องเข้าใจหน่อยว่า พ่อแม่ ต้องห่วงน้อง เพราะน้องยังเล็ก แต่เราก็เข้าใจ แต่ก็ยังน้อยใจอยู่นิดๆ และบางอย่างก็ทำให้เราเข้าใจว่าแม่รักน้องมากกว่า คือ แม่มักจะชมน้องเสมอๆ แต่ไม่ค่อยจะชมฉันเลยสักนิด ก็รู้สึกว่าท่านรักเราหรือเปล่า แต่พอได้ฟัง ได้ดู ได้รู้ ว่าแม่รักเรามากขนาดไหน ก็ทำให้เข้าใจว่า เราไม่ควรน้อยใจท่านเลย ควรจะรักท่านมากๆ ดูแลท่านดีๆ ต่างหาก แค่นี้ยังน้อยนิดกว่าที่แม่ทำให้เรามาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ฉันซาบซึ้งบุญคุณท่าน ถ้ากลับไปแล้วฉันจะกลับไปกอดท่าน และ กราบท่าน และ ใกล้วันเกิดของฉันแล้ว ฉันจะไม่จัดงานวันเกิด แต่จะกราบแม่ ดูแลแม่แทน  แล้วต่อไปฉันจะเข้าแม่ให้มากๆ เพราะแม่มีเหตุผลของแม่


          วันนี้วันสุดท้าย ก็จะต้องกลับแล้ว ฉันขอขอบคุณโรงเรียน คุณครูทุกท่านมากๆ เลย ที่ได้บังคับมาที่นี้ ซึ่งในที่สุดการบังคับก็กลายเป็นความสมัคใจในที่สุด ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ฉันจะนำความรู้ ประโยชน์ต่างๆ ไปใช่ให้เกิดประโยชน์ และ เกรงกลัวต่อบาป ทำดี ฝึก นั่งสมาธิ อุทิศส่วนกุศล อยู่เสมอๆ และ จะทำความดีที่ให้สัญญาไว้กับพ่อและแม่ ครู – อาจารย์ ให้ดีที่สุด และ รักท่านทุกคนตลอดไป

ชื่อ นางสาวรัตมา  อ้อทอง
ชั้น ม.4/5
โรงเรียน ชัยภูมิภักดีชุมพล
วันที่ 25 พฤษภาคม 2553


 

มีพัฒนาการหลายด้าน

          ถึงแม้หนูจะมาวัดนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว บรรยากาศ และ ทุกๆอย่างที่นี้ยังเหมือนเดิม วิทยากรทุกท่านหวังจะให้พวกหนูเป็นคนดี ในการมาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้หนูได้ประสบการณ์มากมาย


          สิ่งที่วิทยากรสอนทุกอย่างโดยเฉพาะ ดร.ดาราวรรณ  สอนวิชาเรียนเก่ง หนูก็นำไปใช้ได้ผลจริงๆทำให้หนูมีผลการเรียนที่ดีขึ้นจากที่เคยสอบได้อันดับ 7 ของห้อง ก็ได้อันดับ 4 ของห้อง ทำให้หนูรู้สึกว่าการมาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้วมีประโยชน์ต่อการเรียนและหลายๆเรื่องของหนูทำให้หนูมีสมาธิมากขึ้น มีสติสัมปชัญญะทำอะไรก็ไม่ประมาทในทุกๆสิ่งรู้จักฝึกความอดทนและใจสงบขึ้นทั้งๆที่หนูเป็นคนใจร้อน


          หนูหวังว่าจะได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้วอีก

 

ชื่อ นางสาวอริสา  ดอกกลาง
ชั้น ม.4/7
โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม
วันที่ 18 พฤษภาคม 2553
 

 


ได้รู้อะไรหลายอย่าง

 

          สิ่งที่ได้จาก วิทยากร วัดวะภูแก้ว นี้ดีมาก เพราะได้รู้เรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ จึงทำให้ระวังตัวมากยิ่งขึ้น ในการดำเนินชีวิต และ ได้รับความรู้หลายเรื่องที่ตามมาคือ เคล็ดลับทำให้เรียนเก่ง แนวทางการสร้างบุญกุศล การให้ทานแบบไดที่ทำให้ได้บุญกุศล วัดวะภูแก้วนี้ดีอย่างที่รุ่นพี่ รุ่นก่อนๆเขาพูด เพราะที่สำคัญที่ทำให้ระลึกถึง บุพการี ที่ให้กำเนิดมาได้อย่างลึกซึ้ง

          และเมื่อได้รู้ถึงบุญคุณของพ่อแม่ หนูจะกลับไปตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ อย่างที่ลูกคนหนึ่งจะตอบแทนได้

 

ชื่อ นางสาวจริยา  อาสากุล
ชั้น ม.4/1
โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม
วันที่ 18 พ.ค. 53


 

การนั่งสมาธิเป็นอะไรที่วิเศษมาก

          ความคิดครั้งแรกที่ได้ยินว่า จะมาวัดวะถูแก้วแห่งนี้ก็รู้สึกว่า เซ็งอาจารย์มาก เพราะ ใกล้จะสอบแล้ว แนวข้อสอบก็ยังไม่รู้สักวิชาเลย แถมยังไปเรียนแค่ 3 วัน แล้วก็สอบ แล้ววิชาที่ยังไม่ได้เรียนละจะทำยังไง ตอนแรกก็คิดแบบนี้ แต่พอมาก็รู้สึก สบายใจมากกับเรื่องเรียน ทั้งเดินจงกรม ทั้งนั่งสมาธิ การกรกะทำเช่นนี้ข้าพเจ้าพิ่งเคยทำครั้งแรกด้วยและเป็นอะไรที่วิเศษมาก ทั้งที่จะนอนอยู่ที่บ้านก็ได้ สิ่งที่ข้าพเจ้าชอบมากคือการนั่งสมาธิ ลืมบอกไปว่าก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาที่นี้นั้นมามืดมาก โดยการดื่มสุรามาก่อนเป็นอะไรที่แย่มาก ต้องให้แม่ลงมาบอกให้เลิกข้าพเจ้าจึงเลิก มันไม่ดีเอาเสียเลย แต่พอมาได้มาที่นี้แล้วก็รู้สึกผิดมาก สิ่งที่ข้าพเจ้าชอบและอยากทำมากที่สุดคือการนั่งสมาธิ เป็นอะไรที่ข้าพเจ้าได้ฝึกความอดทนและอดกลั้นมากครั้งแรกๆก็นั่งอย่างสบายกายสบายใจ แต่พอนั่งไปสักพักก็เริ่มรู้สึกเมื่อย ปวดขาและปวดหลังมาก เหมือนใจจะขาดเลยที่เดียว แล้วก็ออกจากสมาธิทันที ครั้งต่อไปข้าพเจ้าก็ทำอีกแต่แล้วก็เป็นเหมือนเดิมเราก็อดทนอดกลั้นมากกว่าเก่าใจก็อยากนั่งนานๆเหมือนเพื่อนแต่ก็ทำไม่ได้ ต้องนับถือเขาจริงๆที่ทำได้


          เมื่อกลับบ้านไปข้าพเจ้าจะฝึกสมาธิให้มากกว่านี้ และ ข้าพเจ้า ได้ให้สัญญาว่า จะไม่เสพสิ่งเสพติดทุกชนิด และ เมื่อถึงวันกลับมันเหมือนอยู่แค่ 2 วันเป็นอะไรที่เร็วมากๆ แต่อีกใจก็อยากกลับบ้านมาก เพราะอยากกลับไปหาพ่อแม่ไปทำตัวดีๆให้ท่านชื่นใจ

 

 

น้ำครึ่งแก้ว

ชื่อ น้ำครึ่งแก้ว
ชั้น ม.5
โรงเรียนจักราชวิทยา
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553


 ถ้าไม่ได้มาวัดคงลงต่ำแน่

 

          ตอนแรกที่ทางโรงเรียนบอกว่าจะมาวัดวะภูแก้วตอนช่วงเข้าพรรษา รู้สึกดีใจมาก เพราเครียดมากก็เลยอยากเข้าวัดทำสมาธิ แต่ อาจารย์ บอกเลื่อนเพระทางวัดมีอบรมของโรงเรียนอยู่ จึงเสียใจ และต่อมาก็ได้ข่าวจากอาจารย์ท่านหนึ่งว่าท่านจะพาไปวัดแห่งหนึ่งฟรี เราเลยลองไปดู ซึ่งพอไปวัดแห่งนี้ ตอนแรกพอผมเข้าไปคิดว่าไม่ใช่วัด เพรายิ่งใหญ่ อลังการมาก มีทั้งคอนโด ตึกสูงให้ผู้ทำสมาธิไปเช่า กุฏิพระเหมือนโรงแรม 5 ดาว สูงมี แอร์ ด้วย ผมเลยไม่ค่อยชอบเท่าไร


          แต่พอโรงเรียนบอกว่าจะได้มาวัดวะภูแก้ววันที่ 10 – 14 ก.ย. 53 ผมรู้สึกไม่อยากมา เพราะกลับมาได้ 3 วัน ก็สอบแล้ว รู้ สึก เครียดมาก งานก็เยอะ สอบเก็บคะแนนก็มาก ตอนแรกก็เลยจำใจส่งใบขออนุญาต แล้วผมก็เอาคืน ตัดสินใจว่าจะไม่ไป


          ลองไปถามประสบการณ์จากพี่บางคน ก็บอกว่าไปแล้วไม่ได้อะไร บางคนก็บอกว่าดีมาก บรรยากาศ สงบ วิทยากรใจดี นั่งสมาธิจิตใจสงบ ก็เลยคิดใหม่ เป็นไงเป็นกัน


          กลับจากโรงเรียนเก็บเสื้อผ้า แต่ก็นอนไม่หลับ เพราะตื่นเต้น พอมาถึง บรรยากาศดีมาก อาหารอร่อย ตอนนั่งสมาธิ เห็นแต่เพื่อนเขา เข้าสมาธิเห็นนิมิตอย่างนั้น อย่างนี้ทำไมเราไม่เห็นอย่างเขาบ้าง ยกต่อมาเลยตั้งสติ รู้ตัวว่าสัปหงก ช้าๆ แล้วร่างกายก็หมุนช้าๆ และ หมุนเร็วขึ้น เวียนหน้ามากก็เลยตั้งสติ แล้วออกจากสมาธิ ยกต่อมาก็ทำไม่ได้สักที ยกสุดท้ายเลยตั้งใจทำให้ได้ ตั้งจิตให้สงบ แล้วรู้สึกว่ามีสติ จากนั้นก็เห็นนิมิต รู้สึกร่างกายเบา ไม่มีแขน ไม่มีขา พอทำไปนานๆปวดปัสสาวะมากก็เลยออกจากสมาธิ


          มาที่นี้ทำให้ผมซึ้งถึงบุญคุณ พ่อแม่ มากขึ้น ทำให้เข้าถึงพระธรรมมากขึ้น ถ้าวันนั้นผมตัดสินใจไม่มาวัด ผมคงทำเลว
ทำชั่ว หรือ บางเรื่องที่ผมไม่รู้ก็ได้  บางทีถ้าผมไม่มาวัดชาติหน้าผมอาจเกิดเป็นสัตว์ หรือ ตกนรกไปแล้วก็ได้
และทำให้ผมได้รู้ถึงคำว่าเพื่อนแท้ เพื่อนกิน ได้รู้จักระเบียบวินัยในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ ได้ความอดทน ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ได้รู้จักสัจจะธรรมของชีวิตมากขึ้น


          ผมสัญญาว่าถ้ามีโอกาส ผมจะกลับมาอีก เพื่อมาทดแทนบุญคุณ พระพุทธศาสนา ที่ให้สิ่งดีๆกับผม

 

นายอลงกต  สระนอก

ชื่อ นายอลงกต  สระนอก 
ชั้น ม.5/2
โรงเรียนจักราชวิทยา
วันที่ 14 กันยายน 2553


ทำวินาทีนี้ให้ดีที่สุด

 

          เห็นศาลาปฏิบัติธรรมก็รู้สึกชอบมาก เข้ามานั่งแล้วรู้สึกสบาย อบอุ่น รู้สึกสงบ มาอยู่ที่นี้ได้ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน กิจกรรมมีแต่ดีๆ ทำแล้วทำให้จิตใจสงบ ชอบกิจกรรมทุกๆอย่าง ยกเว้นเดินจงกรม เพราะหนูเดินแล้วทำให้คิดฟุ้งซ่าน หนูชอบสวดมนต์ทำวัตรเช้า – เย็น เพราะทำให้ใจสงบ ทำให้ได้เปล่งเสียง การนั่งสมาธิทำให้จิตใจไม่ว้าวุ่น รู้จักทนความเจ็บ ปวด เมื่อย รู้จักอดทน และ ที่ชอบที่สุดคือการบรรยายของวิทยากรทุกท่าน ชอบให้ ดร.ดาราวรรณ  บรรยายมาก ได้ความรู่มากมาย ได้รู้บาปกรรมมีจริง จากเมื่อก่อนที่หนูไม่เคยเชื่อเลย คิดว่าตายแล้วก็แล้วไป แต่พอมาฟังเหตุผลก็ลองคิดตามแล้วก็เห็นผลว่าเป็นจริงอย่างที่ ดร.พูด 


          วัดนี้เหมือนให้ชีวิตใหม่กับหนู ให้รู้ว่าแม่มีบุญคุณกับเรามากมาย เราควรจะตอบแทนท่านให้ดีๆ และ ไม่ควรประมาทในชีวิต มีสติตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร อดีตผ่านไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับมา ส่วนอนาคตยังมาไม่ถึง อย่าพึ่งไปคิดถึงมัน แต่เราจงอยู่กับปัจจุบันทำวันนี้วินาที่นี้ให้ดีที่สุด จงทำแต่ความดีแล้วสักวันความดีจะตอบแทนเรา ถ้าเราทำความดีก็ไม่ต้องกลัวอะไรเพราะเรารู้อยู่กับตัวเราดี ถ้ามีโอกาส จะกลับมาวัดวะภูแก้วอีก สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่หนูจะไม่มีวันลืม


ชื่อนางสาวปานทอง  ชาลีเครือ
ชั้น ม.4/1
โรงเรียนบำเหน็จณรงค์วิทยาคม
วันที่ 21 กันยายน 2553


Last Updated on Monday, 29 November 2010 13:04
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner