หลวงพ่อกับเหล็กไหล Print
Tuesday, 05 May 2009 02:19

มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์อาจารย์องค์หนึ่งอยู่แถวชลบุรี มานั่งเฝ้านอนเฝ้าหลวงพ่ออยู่หลายวัน หลวงพ่อก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร จนวันหนึ่งเขาบอกว่าที่เขามาเฝ้าอยู่นี่เพราะมีคนบอกว่าหลวงพ่อมีเหล็กไหลอยากจะมาขอ หลวงพ่อจึงบอกว่าท่านไม่มีหรอก "แต่มีอยู่แห่งหนึ่ง ทราบว่ามีเหล็กไหลมากมายถ้าคุณอยากได้จะบอกที่ให้ อยากรู้ไหมล่ะ" เมื่อโยมต้องการจะรู้แหล่ง ท่านจึงบอกว่า "ไปที่หัวรถไฟแน่ะ ทุกวันจะมีเหล็กไหลจากโคราชไปกรุงเทพฯ วันละหลาย ๆ เที่ยว" ไม่ทราบว่าพอโยมได้คำตอบอย่างนี้แล้วมีปฏิกิริยาอย่างไร

อีกครั้งหนึ่ง มีโยมมาจากศรีสะเกษ มาเสนอขายเหล็กไหลให้หลวงพ่อในราคา ๖๐,๐๐๐ บาท โดยบรรยายสรรพคุณว่ามีแล้วจะทำให้ร่ำรวย หลวงพ่อตอบข้อเสนอว่า "ก่อนคุณจะมา ทำไมไม่สืบประวัติฉันก่อนว่าฉันเป็นพระนักค้าหรือเปล่า คุณไปรวยคนเดียวซะ ถ้าฉันอยากจะรวย ฉันไม่มาห่มผ้าเหลืองอยู่อย่างนี้หรอก"

ของขลัง
พระลูกศิษย์องค์หนึ่งมากราบเรียนขอวัตถุมงคล (เหรียญ) ของหลวงพ่อ หลวงพ่อจึงสอนว่า "เครื่องรางของขลังนี่อย่าไปสอนให้ผู้คนเขาเชื่อจนงมงายมากนัก การแจกเหรียญก็เหมือนกับการถ่ายรูปแจก กันไปเป็นของที่ระลึก ที่พูดนี่ไม่ใช่ผมไม่เชื่อนะ ผมนี่แหละทดลองเอาเนื้อหนังไปทดสอบมาแล้ว สุดท้ายมันก็ ไม่มีความเป็นอมตะ ทหารออกรบแบกเครื่องรางกันเป็นกิโล ๆ แต่ก็คุ้มครองไม่ได้ เวลาแบกศพทหารนี่น้ำหนักตัวพอ ๆ กับน้ำหนักเครื่องราง เครื่องรางที่ดีที่สุดคือ ศีลธรรม เครื่องรางของผมน่ะ คืออะไรรู้ไหม คือ ความกตัญญู ใครทำบุญกับผมเท่าขี้เล็บ ผมจะตอบแทนเขาเป็นสิบเท่าร้อยเท่า"

อยู่ที่ไหนก็ได้ถ้าทำความดี
หลวงพ่อเล่าว่าบางครั้งท่านก็เกิดความเบื่อหน่ายสภาพแวดล้อมจนอยากจะย้ายไปที่โน่นที่นี่ตามประสา ครั้งหนึ่งเคยบ่นอยากย้ายที่ เจ้าคุณอริยคุณาธารได้ยินเข้าก็ให้แง่คิดว่า "อย่าไปหาย้ายให้มันยุ่งยาก คนเราจะไปไหนกรรมมันพาไป เอาเป็นว่าอยู่ที่ไหนก็ขอให้ทำความดีตรงนั้นให้มาก ๆ"

ต่อมาหลวงพ่อก็ถูกย้ายจากเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ มาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวันตามธรรมดาของโลกที่มีคนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ ในการย้ายครั้งนี้ก็มีผู้สมน้ำหน้า หลวงพ่อว่าถูกย้ายจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดมาเป็นแค่เจ้าอาวาส แต่หลวงพ่อก็ไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาทำความดีตามที่ครูบาอาจารย์สอนไว้ ความดีของหลวงพ่อค่อย ๆ เป็นที่รับรู้ของ คนทั่วไปจนกลายเป็นพระ "ดัง" องค์หนึ่ง ผู้คนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองไปไหนมาไหนก็มักมีคนเข้ามากราบมาทักว่า "นี่เองหลวงพ่อพุธ ได้ยินชื่อมานานแล้ว เพิ่งได้เห็นตัวจริงวันนี้เอง" แล้วคนที่เคยสมน้ำหน้าหลวงพ่อก็ไปบอกกับคนอื่นว่า

• อย่าไปเอาอย่างหลวงพ่อพุธนะ
• ทำไมจะเอาอย่างไม่ได้ ไม่ดีอย่างไร
• ไม่ใช่ไม่ดี มันดีเกินไปน่ะซี ไปเอาอย่างเดี๋ยวความดีมันจะทับตาย ในที่สุดความดีของหลวงพ่อก็เอาชนะผู้ที่เคยคิดไม่ดีกับหลวงพ่อ

ไม่ติดอามิส
ตำแหน่งอุปัชฌาย์เป็นตำแหน่งที่พระหลายองค์ใฝ่ฝัน เพราะนอกจากจะเป็นที่นับหน้าถือตามากแล้ว ยังมีโอกาสได้สิ่งตอบแทนเป็นอามิสไม่น้อย แต่ในสิ่งที่หลายคนแก่งแย่งแข่งขันเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้ หลวงพ่อกลับสละโอกาสนั้น โดยในต้นปี ๒๕๓๔ ท่านได้นิมนต์หลวงปู่บุญมี จากวัด… จ.กาฬสินธุ์ มาช่วยแบ่งเบาภาระการเป็นอุปัชฌาย์ แต่การแบ่งเบาภาระนี้เรียกได้ว่าหลวงพ่อพยายามสละโอกาสนั้นถวายหลวงปู่เสียเกือบทุกครั้ง ท่านเล่าว่าในช่วงเวลาเพียง ไม่กี่เดือนหลวงปู่ได้บัญชีเงินฝากซึ่งเป็นปัจจัยถวายอุปัชฌาย์มาให้หลวงพ่อดู ปรากฏว่ามีเงินฝากอยู่ถึง ๙๐,๐๐๐ บาทเศษ

Last Updated on Tuesday, 05 May 2009 02:30