ศีล ๕ อุบายกล่อมเกลาสภาวธรรม Print
Thursday, 23 April 2009 13:55

เรามีหลักที่จะเสนอแนะให้ท่าน คิดเป็นหลักพิจารณา ดังต่อไปนี้

ในขณะใดที่เรามีจิตใจโหดเหี้ยม อยากฆ่าใคร ฆ่า อยากตีใคร ตี อยากด่าใคร ด่า ไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของคนอื่น ในขณะนั้นจิตใจเรานี้ มันกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ร่างกายของเราเป็นมนุษย์

ในขณะใดที่จิตใจของเรานี่ มีความโอบเอื้ออารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเขาอกเรา คำนึงถึงความสุขความทุกข์ของคนอื่น พิจารณาเปรียบเทียบกับตัวเองว่าเราต้องการความสุขสบายฉันใด คนอื่นเขาก็ต้องการความสุขสบายเช่นเดียวกับเรา ในขณะนั้นกายของเราเป็นมนุษย์ จิตใจของเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน

แต่ในขณะใดจิตใจของเราเหนื่อยหน่าย ท้อแท้ไม่เอาไหน ประโยชน์ตนก็ไม่เอื้อ ประโยชน์ผู้อื่นก็ไม่อาศัย ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามบุญตามกรรม ไม่มีปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น อดอาลัยตายอยากในชีวิต ในขณะนั้น ร่างกายของเราเป็นมนุษย์ แต่จิตใจมันเป็นเปรต เปตะ แปลว่า โมฆะ ทิ้งซึ่งประโยชน์มรรคผล

แต่ในขณะใด จิตใจของเรานี่ มันมีความละอายบาป ความสะดุ้งกลัวต่อบาป ไม่ทำบาปทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง ในขณะนั้นกายของเราเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเราเป็นเทวดา แต่ในขณะใดที่เรามาปฏิบัติธรรม ปลุกจิตใต้สำนึกให้มันตื่นขึ้นมา มีความสงบนิ่ง รู้ตื่นเบิกบาน มีปีติ มีความสุข ในขณะนั้น กายของเราเป็นมนุษย์ แต่ใจของเราเป็นพระพรหม

อันนี้ คือ หลักที่เราต้องยึดเป็นหลักพิสูจน์ พิจารณาตัวเองว่า แต่ละวันแต่ละวัน ขณะใดเราเป็นอะไร เมื่อเราพิจารณาให้รู้แจ้ง เห็นชัดแจ้ง เราจะได้ปรับปรุงตัวให้อยู่ในกรอบ กรอบที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติเอาไว้และรับรอง ก็คือ ศีล ๕ อันเป็นมนุษยธรรมนั่นเอง ทีนี้ มนุษยธรรม คือ ศีล ๕ นี้แหละเป็นอุบายสำหรับ ปรับปรุงกล่อมเกลาสภาวธรรม คือ กายใจของเราให้มีคุณภาพดียิ่งๆ ขึ้น

เราเคยได้ยินครูบาอาจารย์และผู้เฒ่าผู้แก่ ท่านสอนว่า สีเลนะ สุคะติง ยันติ รักษาศีล ๕ แล้วไปสวรรค์ เทวโลก ไปเกิดในสวรรค์โลก สีเลนะ โภคะสัมปะทา รักษาศีล ๕ แล้วได้โภคทรัพย์ สีเลนะ นิพพุติง ยันติ รักษาศีลแล้วถึงความดับ คือ พระนิพพาน

ท่านสอนคนให้ไปสวรรค์ สอนคนให้ไปนิพพาน สอนให้คนได้โภคทรัพย์ ทรัพย์สมบัติ ดังนั้นจึงมีผู้กล่าวขัดแย้งว่า เรารักษาศีลแทบเป็นแทบตาย ยิ่งรักษาเท่าไร ยิ่งจมลงทุกที ไหนบอกว่ารักษาศีลอย่างนี้แเล้วได้โภคทรัพย์ มีคนเถียงกันอย่างนี้ ผู้มีศีลแล้วย่อมไม่ไปทำลายโภคทรัพย์ของคนอื่น อันที่กล่าวไปแล้วนั้น มันเป็นเรื่อง เรื่องจะเป็นไปในอนาคต หมายถึงตายแล้วจะไปสวรรค์ ตายแล้วไปเกิดที่ไหน จะมีโภคทรัพย์สมบัติ ถ้าหากหมดกิเลสแล้วจะถึงพระนิพพาน ทีนี้พอฟังฟังแล้ว ก็ว่าลูกหลานยังเพลิดในความสุข สนุกสนานของโลก เขาก็ไม่อยากจะไป เขาก็ยังเสียดายความสุข ความสนุกสนานของโลก

ทีนี้เรามาทำความเข้าใจกันอย่างนี้ ดีไหม ว่าเรารักษาศีล ๕ แล้ว ในปัจจุบันเราได้อะไร มีปัญหาที่เราจะต้องทำความเข้าใจความจริง การรักษาศีล ๕ นี้ มันเป็นคุณธรรมประกันความปลอดภัยของสังคม ป้องกันมิให้มนุษย์เกิดมีการฆ่ากัน เป็นคุณธรรมที่ตัดทอนคุณโทษของบาป เป็นคุณธรรมที่บรรเทากำลังของกิเลส โลภ โกรธ หลง ให้น้อยลงไป

เป็นคุณธรรมที่ปรับพื้นฐานความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ เป็นคุณธรรมที่เป็นของจิตของการที่ให้กิเลสให้เกิดประโยชน์โดยความเป็นธรรม เป็นคุณธรรมที่เป็นมูลฐานให้เกิดระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย