ธรรมะจากรามเกียรติ์ Print
Monday, 21 September 2009 02:10

ธรรมะจากรามเกียรติ์ 

 ตอน ทรพา - ทรพี

 

        ครั้งหนึ่ง   มียักษ์อยู่ตนหนึ่งชื่อ  "นนทกาล"  มีหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูวังสวรรค์ ของพระอิศวร  ยักษ์ตนนี้ได้ทำผิดกฏ โดยการปลุกปล้ำนางฟ้านาม "มาลี" นางฟ้าได้นำเรื่องทูล ต่อองค์อิศวรเจ้า พระอิศวรทรงกริ้วจึงสาป   ให้ยักษ์ไปเกิดเป็นควาย มีนามว่า "ทรพา" และจะต้องถูกสังหารโดยลูกของตัวเอง หลังจากนั้นถึงจะพ้นคำสาป
 

       ทรพาผู้เป็นควายจ่าฝูงของควายในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง    แต่ต้องคำสาปของพระอิศวรผู้เป็นใหญ่ของปวงเทวดา   ซึ่งสาปไว้ว่า   ถ้าหากควายทรพามีลูกออกมาเป็นควายผู้เมื่อใด  ทรพาจะต้องถึงฆาต   หรือถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของลูกตนเอง

ควาย

        ทรพาจึงต้องคอยระมัดระวังตนเป็นเกลียว    พอเมียตัวใดตกลูกออกมาเป็นควายผู้   ทรพาก็จะจัดแจงขวิดลูกตัวผู้ของมันให้ตายหมดไปเลยทีเดียว    โดยไม่ยอมให้ควายตัวเมียตัวใดขอร้องและอ้อนวอน   เพราะกลัวว่าลูกจะฆ่ามันตามคำสาปของพระอิศวร    มันจึงต้องชิงฆ่าลูกตัวผู้เสียก่อน

 

         แต่บังเอิญเกิดมีควายตัวเมียใจทรหดตัวหนึ่ง   ซึ่งเป็นเมียของทรพาอยู่ในฝูงนั้น   ตั้งท้องขึ้น   ครบกำหนดใกล้จะถึงวันออกลูก   มันจึงหนีไปคลอดลูกในถ้ำแห่งหนึ่ง     โดยปกปิดไม่ให้ทรพาผู้เป็นผัวรู้    แล้วบังเอิญลูกที่เกิดออกมาก็เป็นตัวผู้เสียด้วย   ได้ชื่อว่า   “ทรพี”  เพื่อให้คล้องกับชื่อ “ทรพา” ของพ่อมัน

 

         แต่ควายผู้เป็นแม่ของทรพี    ไม่สามารถจะอยู่เฝ้าเลี้ยงลูกของมันตัวนี้ได้   เพราะกริ่งเกรงว่า   ถ้ามันหายหน้าค่าตา   และหลบออกไปจากฝูงหลายวันเพื่อเฝ้าเลี้ยงดูลูกนี้   ทรพาผู้เป็นผัวหรือนายฝูงรู้เข้าจะสงสัยและตามมาฆ่าลูกของมันได้    มันจึงคลอดทิ้งไว้ในถ้ำแล้วออกปากฝากแก่เทวดาที่รักษาถ้ำให้ช่วยเลี้ยงดูทรพีด้วย

 

          เทวดาที่รักษาถ้ำสงสารก็รับฝากไว้    แล้วเนรมิตนมมาเลี้ยงทรพีจนเป็นหนุ่ม   แถมยังช่วยกันเสกให้ทรพีมีกำลังวังชาและฤทธิ์เดชมากเป็นพิเศษอีกด้วย

 

          ทรพีพอชักจะเติบโตขึ้น    มีกำลังวังชามหาศาลผิดกว่าควายธรรมดา   ก็ชักจะโอหัง    หาโอกาสออกจากถ้ำมารับอากาศข้างนอกถ้ำได้วันใด    ก็ทดลองกำลังของตนเรื่อยไปโดยใช้วิธีขวิดต้นไม้ขนาดเล็กไปจนกระทั่งถึงลำต้นขนาดใหญ่ๆ  จนโค่นล้มไปก็หลายสิบต้น   คราวนี้   ไม่ว่าหินหรือต้นไม้ถ้าทรพีเจอขวางหน้า   เป็นต้องขวิดโค่นพังทลายไปจนหมดสิ้น

 

           ทรพีพอจะระแคะระคายว่า   ทรพาเป็นพ่อของมัน   แต่ทรพาเกลียดลูกตัวผู้     ฆ่าลูกตัวผู้จนไม่มีเหลือ    นอกเสียจากมันที่แม่แอบมาคลอดทิ้งไว้ไม่ให้พ่อรู้    ทรพีรู้ความเช่นนั้น    ก็เคียดแค้นพ่อ    เร่งวันเร่งคืนที่จะให้ตนเองมีร่างกายขนาดใหญ่เท่าพ่อเสียก่อนเมื่อใด   ก็คิดจะไปประลองฝีมือกับพ่อดูสักตั้ง

 

           วิธีเดียวที่จะรู้ว่า    มันจะมีขนาดร่างกายใหญ่ไล่เลี่ยกับพ่อได้     ก็คือ   มันใช้วิธีวัดรอยเท้าของพ่อ    ในตอนแรกก็แลเห็นได้ชัดว่า   รอยเท้าของมันเล็กกว่าพ่ออยู่มากนัก   ทรพีจึงยังคร้ามๆ พ่ออยู่    มันจึงยังไม่ปรากฏตัวเผชิญหน้ากับพ่อ
 ต่อมานานเข้า     ร่างกายของมันก็ใหญ่โตขึ้น   วัดรอยเท้าของมันกับพ่อเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว      ก็เห็นว่าเท่ากับพ่อแล้ว    มันก็ร้องลั่นว่า    “กูใหญ่เท่าพ่อแล้ว!”


           ว่าเท่านั้น    ทรพีก็ตรงดิ่งไปหาพ่อทันที    ไปถึงที่ๆ ฝูงของทรพาผู้พ่อกำลังยืนควบคุมฝูงอยู่    ก็ร้องท้าลั่น

           “เฮ้ย ! อ้ายทรพา...........เอ็งมันชั่วมาก   มีลูกตัวผู้เท่าไร   เอ็งก็ฆ่าตายเสียหมด   ข้านี่แหละเว้ย   ควายตัวผู้ ลูกของเอ็งที่รอดตายมาได้   ข้าเกลียดน้ำหน้าเอ็งนัก    แล้วเดี๋ยวนี้   รอยเท้าของข้าก็เท่ากับเอ็งแล้ว   มาลองสู้กันดูสักทีเถอะว่า   เอ็งหรือข้าใครจะอยู่รอด”

 

          ทรพาได้ยินเสียง   ก็สะดุ้ง   สั่นสะท้านไปทั้งร่าง   นึกถึงคำสาปของพระอิศวรขึ้นมาได้    ใจก็ชักเสีย   ฉงนสนเท่ห์ว่า   เอ! นี่เราปล่อยให้ลูกตัวผู้มันรอดตายออกมาได้อย่างไรกันนะ    คราวนี้   เห็นทีเราจะถึงกาลมรณะเสียแล้วล่ะซี    แต่เสียงร้องด่าท้าทายของทรพี    ก็ทำให้ทรพาโมโหขึ้นหน้าเหมือนกัน   เพราะยังไม่เคยมีควายตัวมาเบ่งกับมันได้ถึงขนาดนี้     เป็นตายร้ายดี    ก็จะไม่ยอมให้เสียศักดิ์ศรีควายอย่างมันได้แน่    ต้องกำราบเจ้าควายชั้นลูกนี้ให้รู้ดีรู้ชั่วเสียบ้าง

 

         ฉะนั้น   เจ้าทรพาจึงตะโกนด่าตอบไปบ้างว่า  “ทุด! อ้ายลูกควายยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม   แถมยังไม่รู้จักบุญคุณของพ่อ   ที่เป็นคนปั้นเอ็งมา     เอ็งมันลูกเนรคุณ   ข้าจะสั่งสอนให้เอ็งรู้สำนึกเสียบ้าง”

 

         ว่าเท่านั้นแล้ว   ทรพาก็โผนเข้าใส่ก่อนทันที   หมายใจจะเอาเขาทั้งคู่ขวิดเจ้าควายหนุ่มอย่างสุดแรง    เป็นจังหวะเดียวกับที่ทรพีลูกควายเปลี่ยวก็เตรียมโผนเข้ามาสู้อยู่เหมือนกัน    เสียงเขาควายทั้งสองคู่กระทบกันดังลั่นสนั่นป่า   ทำให้ฝูงควายที่อยู่ใกล้ๆ  และสัตว์ป่าในบริเวณนั้นตื่นเต้นตกใจและพากันกระโดดหนีออกไปห่างๆ   ไม่กล้าอยู่ใกล้รัศมีของการต่อสู้ระหว่างควายพ่อกับควายลูก

 

         แต่ถึงคราวชะตาขาดของทรพา   ซึ่งพระอิศวรท่านสาปหรือกำหนดชีวิตไว้แล้วว่า   จะต้องตายด้วยน้ำมือของลูกที่เป็นตัวผู้    ฉะนั้น   แรงปะทะกับควายลูกผู้เป็นหนุ่มกว่ามัน   จึงเล่นเอามันสะท้านไปทั้งร่าง    ประกอบด้วยว่าอายุของมันก็แก่เฒ่าลงไป   เรี่ยวแรงก็ย่อมถอยลงไปตามวัยด้วย   มันจึงต้องเป็นฝ่ายรับบาดเจ็บแต่ข้างเดียว

ควาย

         ทรพาโดนทรพีใช้กำลังมหาศาลของเขาทั้งคู่ขวิดเอา ๆ เสียจนบาดแผลเต็มไปทั้งร่าง    โลหิตไหลนอง   และในที่สุดเมื่อมันทำท่าจะซวนเซหมดแรงล้มลง   ทรพีก็ถือโอกาสโผนเข้าขวิดทรพาอย่างสุดฤทธิ์    เขาทั้งคู่ของมันจมลึกลงไปในท้องของทรพาอย่างหนักหน่วงและเมื่อมันทะลวงคว้านท้องของทรพาผู้เป็นพ่อด้วยเขาทั้งคู่ของมันอย่างบ้าระห่ำ   ไส้ของทรพาก็ทะลักออกมาทั้งไส้อ่อนไส้แก่

 

         ทรพาร้องเสียงยาวโหยหวน    แล้วก็ล้มลงแผ่กลางพื้นดิน   ขาดใจตายไปในบัดดล    ไม่ทันได้สั่งเสียเมียตัวไหนของมันทั้งสิ้น    

 

         คราวนี้  ทรพีก็เลยได้เป็นนายฝูงแทนพ่อ    ครองตำแหน่งเจ้าพ่อของควายขึ้นมาทันที     และลงได้เป็นนายฝูงครอบครองควายตัวเมียซึ่งเป็นของพ่อมาก่อนด้วยแล้ว   ทรพีก็ยิ่งกำแหงโอหังหนักขึ้น     มันสำนึกตนเองว่า   บัดนี้มันมีอำนาจเหนือเจ้าป่าทั้งหลายแหล่แล้ว    เวลาไปไหนถ้าเจออะไรขวางหน้ามันเป็นขวิดดะ    ทั้งขวิดทั้งท้าให้ใครที่ว่าเก่งออกมาสู้กับมันหมด

 

        เมื่อไม่มีใครเก่งกว่ามัน   หรือหาญมาสู้กับมันแล้ว    มันก็เลยท้าไปถึงเทวดาเจ้าป่าเจ้าเขาเลยว่า

        “เฮ้ย ! เทวดาเจ้าป่า   ข้าขอท้าเอ็งประลองยุทธสักตั้งเถอะน่าว่า    เอ็งหรือข้าใครจะแน่กว่ากัน”

        เทวดาเจ้าป่ารู้อยู่แก่ใจแล้วว่า    ก็ที่คุ้มครองชีวิตของอ้ายทรพีทุกวันนี้   ก็พวกเทวดาด้วยกันนั่นแหละที่ช่วยกันคุ้มชีวิต    และทำให้มันมีฤทธิ์เดชขึ้นทุกวัน   จะสู้กับมันก็หาทำอะไรมันได้ไม่   เพราะมันมีเทวดาอื่น ๆ มาคุ้มกะลาหัวมันไว้    ก็เลยบอกปัดให้มันไปสู้กับเทวดาเจ้าเขา

 

         ทรพีก็เผ่นแน่บขึ้นไปบนเขา    ไปท้าเทวดาเจ้าเขาให้มาสู้กันอีก     เทวดาเจ้าเขาก็ยอมแพ้    ปัดให้มันไปสู้กับเทวดารักษาทะเลโน่น    ทรพีก็วิ่งแร่ไปท้าเทวดาที่คุ้มครองทะเลอีก

 

         เช่นเคย....เทวดารักษาทะเลกำลังอยู่ในอาการสงบ  ขี้เกียจจะตอแยด้วย    ก็ปัดให้ทรพีขึ้นไปท้าพระอิศวรบนเขาไกรลาสโน่น    เพราะรู้อยู่แล้วว่า    พระอิศวรเป็นผู้กำหนดชีวิตของมันขึ้นมาเพื่อให้ไปฆ่าพ่อของมันเอง    ก็ต้องส่งมันไปให้พระอิศวรชำระ

 

        ทรพีก็วิ่งพล่านขึ้นไปถึงเชิงเขาไกรลาส   แหงนคอร้องท้าพระอิศวรขึ้นไปทันที

       “เฮ้ย ! พระอิศวร....ข้าท้าใคร ๆ ต่อกรกับข้ามาทั่วพิภพแล้ว   ไม่มีใครกล้าต่อกรกับข้า    เหลืออยู่ก็แต่เอ็งเท่านั้น    ถ้าเอ็งเก่งจริงก็กระโดดลงมาสู้กับข้าเถอะ”

 

        พระอิศวรถือตนเองว่า   มีศักดินาสูงกว่าควายหรือแม้แต่คนก็ยังนบนอบ     เรื่องอะไรจะไปสู้กับมันให้เสียเกียรติ    ก็เลยออกอุบายให้มันไปสู้กับ   พาลี   เจ้าเมืองขีดขินเสีย   แถมสาปด้วยว่า

 

         “อ้ายทรพี.....ลูกเนรคุณ ! โน่นแน่ะ   มีคน ๆ เดียวที่จะต่อกรกับเอ็งได้ก็คือ   พาลี    เจ้าเมืองขีดขินบุรีลิงโน่น   ฝีมือถึงจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับเอ็งได้   และกูขอสาปให้เอ็งจงไปตายเสียด้วยน้ำมือของพาลีนั่นแหละจึงจะสาสม.......ไปเถอะ  อ้ายลูกทรพี !”

 

ควาย

         ฉะนั้น   บั้นปลายชีวิตของทรพี  ลูกเนรคุณจึงต้องไปจบลงที่ตรงพาลี    ผู้เป็นพี่ชายของสุครีพ   ทหารเอกฝ่ายลิงของพระรามพระลักษณ์   ในเรื่องรามเกียรติ์

 

         เพราะเมื่อทรพีโลดแล่นไปท้าพาลีต่อสู้   พาลีก็นักสู้อยู่แล้ว    จึงจับพระขรรค์เข้าต่อสู้กับทรพีทันที    ฝีมือทั้งคู่พอจะวัดเหวี่ยงกัน    รบกันตั้งแต่เช้าตะวันยังไม่ขึ้นจนตะวันขึ้นแล้วกำลังจะตกไป    ก็ยังเอาชนะกันไม่ได้   ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำใคร     แต่เพราะเหตุที่พระอิศวรสาปไว้แล้วว่า    ทรพีจะต้องตายด้วยน้ำมือพาลี    ถึงอย่างไร   ทรพีก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี

 

         แต่วันนี้    สู้กันทั้งวันก็ยังเอาชนะกันไม่ได้   พาลีก็เลยคิดว่า    อ้ายทรพีตัวนี้มีฤทธิ์เดชมาก    หากว่าตนมีอันเพลี่ยงพล้ำเสียชีวิตให้แก่มัน     ต่อไปอ้ายทรพีก็จะต้องกำแหงหาญหนักข้อ    อาละวาดฆ่าคนอื่นๆ  เรื่อยไปไม่หยุดยั้ง    จึงคิดอุบายท้ามันไปสู้กันในถ้ำ    ทรพีพอถูกออกปากท้าให้ไปสู้กันในถ้ำ    ทรพีพอถูกออกปากท้าให้ไปสู้กันในถ้ำ    มันก็ยิ่งชอบใจหนักขึ้น    เพราะมันเกิดในถ้ำ   ชำนาญในถ้ำมาแล้วอย่างทะลุปรุโปร่ง   ก็รีบรับคำท้าทันที   ตกลงนัดกันไปสู้ในถ้ำในวันรุ่งขึ้น

 

         พอถึงวันรุ่งขึ้น   คู่ต่อสู้ทั้งสองก็พร้อมกันเข้าไปสู้ในถ้ำทันที   ฝ่ายพาลีนั้นวางอุบายไว้แล้วว่า   ถ้าหากตนจะต้องเสียทีหรือม้วยมรณาไป    ก็จะต้องไม่ให้ทรพีรอดชีวิตออกไปจากในถ้ำนี้ได้เหมือนกัน   จึงได้สั่งความแก่สุครีพ ผู้น้องไว้ว่า

 

         “พรุ่งนี้   ขอให้น้องไปคอยเฝ้าสังเกตปากถ้ำให้ดี   เวลาพี่จะต่อสู้กับเจ้าทรพีมัน    ถ้าหากพี่เพลี่ยงพล้ำเสียทีมันต้องถูกฆ่าตาย     ก็ให้น้องระดมพลเอาหินปิดปากถ้ำนี้เสีย   อย่าให้เจ้าทรพีหลุดเล็ดรอดออกมาได้   มันจะก่อกวนอันตรายต่อคนทั้งเมืองได้”

 

          ครั้นสุครีพซักความว่า   ทำยังไงถึงจะรู้ว่า   ใครถูกใครฆ่าตายกันล่ะ   เอาอะไรเป็นสังเกตหรือว่า  พี่ตายหรือทรพีมันตาย

 

           พาลีก็อธิบายว่า    ให้สังเกตเลือดที่ไหลออกมาจากปากถ้ำ  เพราะที่ ๆ พี่จะไปสู้กับอ้ายทรพีนั้นเป็นเนินสูงกว่า    ผู้ที่ถูกฆ่าโลหิตจะต้องไหลเนืองนองออกมานอกถ้ำให้เป็นที่รู้ชัดว่า   ใครเสียทีถูกฆ่า    ธรรมดานั้นเลือดมนุษย์หรือเลือดลิงจะต้องใสกว่าเลือดควายแน่   แปลว่า  เลือดทรพีเป็นเลือดควาย   มันต้องข้นกว่า

 

           “จำคำพี่ไว้ก็แล้วกัน    ถ้าเลือดข้นเลือดควาย   เลือดใสเลือดพี่  .....เจ้าเห็นเลือดใสก็แปลว่าพี่ถูกมันฆ่าตาย   เจ้าก็รีบเอาหินปิดปากถ้ำเสียให้หนาแน่น   แต่ถ้าเป็นเลือดข้นก็แปลว่าพี่ฆ่ามันสำเร็จ   ก็ไม่ต้องปิดปากถ้ำ...เข้าใจนะ!” 

 

          สุครีพก็รับปาก   ความจริง   รามเกียรติ์ในตอนทรพีรบกับพาลีนี้ก็ค่อนข้างจะแปลกและสนุกดีเหมือนกันเพราะปรากฏว่า   พาลีฆ่าทรพีตาย    เลือดควายข้นจริง   แต่บังเอิญเจ้ากรรม   เกิดฝนตกหนักไหลลงไปในถ้ำ   ไปปนกับเลือดควายของทรพีเข้า     ก็เลยทำให้เลือดข้นกลายเป็นใสไปเพราะปนมากับสายน้ำ....เรื่องจะเป็นยังไงต่อไป   คุณต้องไปหาเรื่องรามเกียรติ์อ่านเอาเอง

 

          คราวนี้    เล่าถึงตอนที่พาลีกับทรพีเข้าไปสู้กันในถ้ำตามข้อตกลง   แต่เพราะต่างฝ่ายต่างมีฝีมือ   มีฤทธิ์มีเดชพอ ๆ กัน   การต่อสู้จึงกินเวลานาน   ยืดเยื้อไปถึง ๗ วัน ๗ คืน    ก็ยังไม่มีทีท่าว่า  ใครจะแพ้   หรือใครจะชนะ

 

          พาลีคิดว่า   อ้ายควายเปลี่ยวตัวนี้   คงมีเทวดาคุ้มครองมันแน่    จึงอุบายลวงถามว่า

         “บ๊ะ ! เจ้าทรพี   ฝีมือเอ็งนี่ร้ายเหลือเกิน   เอ็งนี่มันช่างเก่งสมคำเล่าลือ    ถามจริง ๆ เถอะวะ   เทวดาองค์ไหนคุ้มกันเอ็งวะ ?”  

 

          ทรพีกำลังคะนอง   เพราะเชื่อในฝีมือและฤทธิ์เดชของตนเอง   ก็หัวเราะให้ลั่นก่อนจะตอบว่า

 

          “เอ็งเห็นจะหมดฝีมือแล้วล่ะซี... ควายอย่างข้าเก่งเองโว้ย    ไม่ต้องมีเทวดาหน้าไหนมาคุ้มกันข้าดอก   แล้วก็ไม่มีเทวดาองค์ไหนมาให้ฤทธิ์ข้าด้วย...ข้าเก่งด้วยฝีมือของข้าเอง”

 

           พาลีก็ตั้งจิตอธิษฐานรำลึกถึงเทวดาแล้ววอนว่า

 

           “ข้าแต่เทวดาผู้คุ้มครองและผู้ประทานฤทธิ์ให้แก่อ้ายทรพี    อ้ายทรพีมันอกตัญญูต่อท่าน   มันว่าท่านไม่ได้ช่วยเหลือมันเลย    สัญชาติมันเนรคุณไม่รู้จักคุณของเทวดาที่คุ้มครองมันอยู่    เพราะฉะนั้น   ก็ขอเชิญท่านเลิกคุ้มครองมันได้แล้ว”

 

           เทวดาทั้งหลายที่คอยเฝ้าคุ้มกันและเป็นแรงฤทธิ์ช่วยสนับสนุนทรพีมาแต่แรก    ก็เห็นจริงตามที่พาลีว่า  ลงมันเนรคุณอย่างนี้แล้ว   ก็อย่าไปช่วยเหลือมันเลย    ก็เลยพากันเลิกคุ้มครองมันต่อไป

 

           เมื่อลงเทวดาไม่คุ้มเสียแล้ว   ทรพีก็เป็นอันจบเกมชีวิตลงด้วยน้ำมือของพาลีในท้ายสุด...

           นี่แหละที่เขาว่า   ทรพีเป็นตัวอย่างของผู้ที่อกตัญญูไม่รู้คุณคน   ทุกวันนี้   ใครอกตัญญู   เขาจึงมักให้สมญานามว่า  “ไอ้ทรพี !”