Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์ เด็กนักเรียน ร.ร.ละหานทรายรัชดาภิเษก จ.บุรีรัมย์ ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 11 - 15 มกราคม 2556
ประสบการณ์ เด็กนักเรียน ร.ร.ละหานทรายรัชดาภิเษก จ.บุรีรัมย์ ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 11 - 15 มกราคม 2556
Saturday, 19 January 2013 01:23

 

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว

 

 

ขอเพียงได้กราบขอโทษแม่

          ข้าพเจ้าเป็นเด็กที่ดื้อกับแม่มาก   มากจนคนอื่นว่าเลวเลยก็ว่าได้   เรื่องมีอยู่ว่า พ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ข้าพเจ้าอายุ 5 ขวบ    ตั้งแต่นั้นมา แม่ก็เป็นหัวหน้าครอบครัวมาตลอด   แม่ของข้าพเจ้าผู้หญิงตัวคนเดียวต้องเลี้ยงลูก 2 คนให้ได้รับความสะดวกสบายมาตลอด

 

          จนกระทั่งวันหนึ่ง   ตอนข้าพเจ้าอายุ 8 ขวบ    แม่ออกไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด  ก็ได้ข่าวจากเพื่อนร่วมงานของแม่ว่า   แม่เข้าโรงพยาบาลผ่าตัดมดลูก   (แม่ข้าพเจ้าเป็นมะเร็งมดลูกค่ะ)   หมอโทรมาบอกว่าแม่ไม่น่าจะมีโอกาสรอดเพราะชีพจรแม่อ่อนมาก     ข้าพเจ้าเสียใจมากแต่ได้แต่เฝ้ารอแม่อยู่ที่บ้านเท่านั้นเอง   จนกระทั่งหมอผ่าตัดเสร็จ  3 วันหลังจากนั้น         แม่ก็ฟื้นขึ้นมา  หมอบอกว่ามันเป็นปาฏิหาริย์เลยค่ะ   แม่กลับมาพักผ่อนอยู่บ้าน    แม่เล่าให้ป้าฟังว่า ตอนที่แม่สลบอยู่  มีคนเอาดอกไม้มาวางไว้รอบเตียงแม่สีขาวสวยมาก    แล้วก็มียมทูตมายืนอยู่ข้างเตียง    แม่ข้าพเจ้ารู้ว่าจะต้องไปแล้ว  แต่ด้วยความเป็นห่วงข้าพเจ้ากับน้องจึงขอยมทูตให้ชีวิต  ด้วยความรักที่แม่มีให้ลูกแหละค่ะ ท่านจึงได้กลับมาหาข้าพเจ้า
 

 

          ต่อมาข้าพเจ้าก็อายุได้ 15  ปี   ด้วยความที่มีคนมาด่าว่าข้าพเจ้าเป็นลูกไม่มีพ่อ    จึงทำให้ข้าพเจ้าโกรธแม่มาก  จากนั้นก็ดื้อกับแม่ทุกอย่าง    วันหนึ่งแม่ก็แต่งงานใหม่  ทำให้ข้าพเจ้าโกรธแม่มากขึ้น  แฟนแม่เป็นคนดีนะค่ะ  มีโรงงานเป็นของตัวเอง  ฐานะดี  แม่จึงไปทำงานอยู่กับแฟนที่กรุงเทพฯ   เวลาแม่โทรมาหาข้าพเจ้า   ข้าพเจ้าก็ไม่รับสาย    แม่ด่า  แม่สอน ก็ด่าแม่กลับ ไม่สนใจแม่จนไม่เรียกแม่ว่าแม่ค่ะ   แม่ข้าพเจ้าร้องไห้เพราะข้าพเจ้าเป็นร้อย ๆ ครั้ง   จนวันหนึ่งแฟนแม่โทรมาบอกว่าแม่เกือบจะฆ่าตัวตายเพราะข้าพเจ้าโดยเอาเชือกแขวนคอ   แต่ดีที่มีคนมาเห็นก่อน   ข้าพเจ้าเกือบทำให้แม่ตาย  แต่ที่เลวไปกว่านั้นคือข้าพเจ้าไม่สำนึกผิดเลยสักนิด  ก็ดื้อเหมือนเดิม   จนแม่ไม่โทร ไม่ติดต่อข้าพเจ้า  แต่ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่ามีความสุขดี   

  

        แต่เมื่อมีการอบรมที่วัดวะภูแก้วขึ้นทำให้ข้าพเจ้าเป็นคนขึ้นมามาก   สำนึกผิดมากตลอดเวลา 4 วัน 5 วัน    ข้าพเจ้าตั้งใจนั่งสมาธิก็เพื่อแม่    ข้าพเจ้ากลัวบาปมากจนไม่รู้จะชดใช้บาปได้อย่างไร   ทุกครั้งที่นั่งสมาธิก็คิดถึงแต่แม่   ข้าพเจ้าสำนึกผิดจริงๆ เพราะการทำสมาธิภาวนาที่วัดวะภูแก้วและคำสอนของวิทยากร  ทำให้ข้าพเจ้าสำนึก  ข้าพเจ้าจะไม่ทำอีกแล้ว  จะไม่ทำให้แม่ร้องไห้   แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากทำตอนนี้คือ  ขอพรจากหลวงพ่อพุธให้ท่านดลบันดาลให้แม่ของข้าพเจ้าหายโกรธและรับโทรศัพท์ข้าพเจ้า   ขอแต่ได้มีโอกาสพูดคำว่า  “ขอโทษ”  กับแม่  และได้กราบเท้าแม่ ก็พอใจมากกว่าสิ่งอื่นแล้วค่ะ


 

น.ส.วิรัญชนา  คำสนวน  ม.4/ 3 เลขที่ 38
ร.ร.ละหานทรายรัชดาภิเษก  จ.บุรีรัมย์
เขียนไว้ ณ วันที่  15  มกราคม  2556

  


มาวัดสนุกกว่าไปเที่ยว


           จากการที่ผมได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว   จ.นครราชสีมานี้  ทำให้ผมได้ค้นพบความจริงเรื่องตัวตน  ความรู้สึกที่แท้จริงของผมจากการปฏิบัติธรรม   ผมก็ชอบเข้าวัดอยู่นิดหน่อยแต่ไม่ค่อยชอบฟังธรรม  ฟังเทศน์  นั่งสมาธิ เพราะผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ เสียเวลา   ใช้เวลานอนดูหนัง  ไปเที่ยว หรือทำอย่างอื่นก็ยังจะดีกว่า  จนพ่อแม่ไม่อยากจะชวนให้ผมไปวัด    ถึงจะชวนอย่างไร  ผมก็ไม่ไป   ผมก็จะตอบทุกครั้งว่า “ขี้เกียจ  น่าเบื่อ เสียเวลา อยู่บ้านดีกว่า”  

  

          แต่ความคิดของผมก็เปลี่ยนไปนับจากวันที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้วนี้   เริ่มจากวันที่ 1  ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่าอยากกลับบ้าน  ไม่รู้ว่าผมจะมาทำไมน่าเบื่อ น่าจะอยู่บ้านดีกว่า   แต่ก็ดีอย่างหนึ่งคือ ได้กินข้าวฟรี   พอถึงตอนนั่งสมาธิ  นั่งได้ไม่ถึง 10 นาที  ก็เกิดอาการปวดขา  ปวดหลังและคอ  ทรมานมาก   วันที่ 2   ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม  ยังอยากกลับบ้าน  ยังเบื่อเหมือนเดิม   แต่ดีขึ้นคือการนั่งสมาธิ   ผมเริ่มนั่งได้นานขึ้นแต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ปวดเหมือนวันแรก   วันที่ 3  ผมเริ่มดีใจที่ใกล้ถึงเวลากลับบ้านแล้ว   ตอนนั่งสมาธิผมรู้สึกสบายขึ้นก็เลยอดทนนั่งต่อไปอีก  ผลก็คือ  นั่งได้เป็นชั่วโมง  สมองปลอดโปร่ง ร่างกายเบาขึ้น   ทำให้ผมรู้สึกเสียดายสองวันที่ผ่านมา   วันที่ 4  ผมกลับรู้สึกว่ายังไม่อยากกลับเพราะได้ปฏิบัติธรรมแล้ว  ผมรู้สึกสบายขึ้น  สนุกกว่าอยู่บ้าน  เมื่อถึงวันที่ 5 วันสุดท้าย    ผมเสียดายมากใน 4 วันที่ผ่านมา   แต่ก็ทำให้ผมรู้ว่าการเข้าวัดปฏิบัติธรรมสนุกกว่าที่คิดไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ   ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง  ได้บุญอีกด้วย  อีกทั้งยังได้ความรู้จากท่านวิทยากรที่มาอบรม   จากนี้เมื่อถึงบ้าน  ความรู้ที่ได้รับมาทั้งหลักธรรมในการดำรงชีวิต   ยาเสพติด   พระคุณบิดามารดา   ผมก็จะใช้ความรู้นี้ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน  ใช้ในการเรียน  พัฒนาจิตใจ อบรมจิตตนเอง  ก็จะทำให้ชีวิตผมดีขึ้นมาก  ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

นายธรรมนูญ  ฤาชา  ม.4/ 7 เลขที่ 15
ร.ร.ละหานทรายรัชดาภิเษก  จ.บุรีรัมย์
เขียนไว้ ณ วันที่  15  มกราคม  2556

  

  

เห็นทีจะต้องปฏิวัติตัวเองใหม่


           ผมมาที่วัดวะภูแก้วนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้ว   เนื่องจากรอบแรก   พอออกจากวัดมา  ผมก็ได้ลาออกจากโรงเรียน  เพราะต้องไปช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้าน   เพราะพ่อผมนั้นติดผู้หญิง เลยไม่ค่อยมาทำงาน   งานที่ผมทำนั้นคืองานซ่อมรถ  ผมทำไปได้ประมาณ  6 เดือนเศษ   ผมก็ได้กลับมาเรียนอีกแต่ต้องเรียน ม.4  ซ้ำเพราะครั้งแรกยังไม่จบ   แต่กลับมาครั้งนี้  ผมมาเรียนเทอมแรก ก็เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง   มาเทอมที่สอง   ผมเถลไถลหนักกว่าเดิม   ไม่เข้าเรียน   มาโรงเรียนก็สาย   กลับไปบ้านเพื่อนตอนเที่ยง  ทุก ๆ วัน  จนมีอยู่วันหนึ่ง  อาจารย์ถามว่า  เธอยังไม่ตายอีกหรือ?   เพราะวิชานี้ ผมเพิ่งพักเรียนครั้งแรกในรอบ  2 เดือน    ผมเลยพยายามปรับปรุงตัว   แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก   จนมาวัดครั้งนี้ ทำให้ผมสำนึกได้จริง ๆ  คิดว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร   ถ้าผมจะนั่งสมาธิไม่ได้นานแต่ก็มีบ้างบางจังหวะที่ผมสงบ   มันมีความปลื้มปิติอย่างประหลาด  วิทยากรที่นี่ ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม   ผมชอบบรรยากาศที่นี่มาก  สงบร่มเย็น และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาก


นายอภิสิทธิ์  แสนศรี  ม.4/6 เลขที่ 1
ร.ร.ละหานทรายรัชดาภิเษก  จ.บุรีรัมย์
เขียนไว้ ณ วันที่  15  มกราคม  2556

  


ทำได้ตามที่ตกลงไว้


           จากประสบการณ์ที่ดิฉันได้มาวัดวะภูแก้วในครั้งแรกนี้   ทำให้ดิฉันได้รู้ว่า   การทำสมาธิเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่อีกประการหนึ่ง   ในตอนแรกดิฉันคิดว่า  การทำสมาธิทำให้ปวดขา  และทำให้เหนื่อย เมื่อย ล้า  เมื่อดิฉันได้มาปฏิบัติด้วยตนเอง    ทำให้ดิฉันได้รู้ว่าที่ดิฉันคิดนั้น  ดิฉันได้คิดผิดมาโดยตลอด   การทำสมาธินี้ทำให้จิตใจสงบ  มีความรู้สึกปลอดโปร่ง   โล่งสบาย   ทำให้จิตใจร่มเย็น

  


           วันแรกที่ดิฉันจะได้มาวัดวะภูเแก้ว    ดิฉันคิดว่า  คงจะน่าเบื่อ  ไม่สนุก   เหนื่อย  แต่พอดิฉันมาถึงวัดแล้ว   ทำให้ดิฉันได้รู้ว่าดิฉันคิดผิดมาโดยตลอด  เพราะว่าวัดวะภูเแก้วแห่งนี้นั้น  มีความสงบร่มเย็น  บรรยากาศดีมาก   ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าอยากจะอบรมมาก   วันแรกที่คุณครูให้นั่งสมาธิ   ดิฉันยอมรับว่าดิฉันไม่มีความอดทนต่อความเจ็บปวดเลย   พอมาวันที่สองและสาม   ดิฉันง่วงมากไม่สามารถที่จะหลับตาลงทำสมาธิได้เลย   พอถึงวันที่สี่ ดิฉันได้ทำข้อตกลงกับตัวเองว่าถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องนอน   และอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ดิฉันได้ตั้งข้อตกลงกับตัวเองนั้น เพราะดิฉันป่วย   ตอนเพื่อนเขาทำสมาธิกัน   ดิฉันก็ได้แต่นอนอยู่ในห้อง   ไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน   ตอนเย็นทำวัตรเย็นเสร็จครูก็ให้เดินจงกรม   ดูหนัง  และสุดท้ายก็ให้นั่งสมาธิปิดท้าย   และดิฉันก็ได้ทำตามข้อตกลงที่ดิฉันได้ตั้งไว้กับตัวเองจนสำเร็จ   และก่อนที่ดิฉันจะออกจากสมาธินั้น  ดิฉันก็ได้บอกตัวเองอีกครั้งว่า   ถ้าเพื่อนยังไม่นอนหรือยังคุยกันอยู่ก็จะไม่ออกจากสมาธิเป็นอันขาด   ในขณะที่ดิฉันนั่งสมาธิอยู่นั้น   ดิฉันมีความรู้สึกเหมือนตัวกำลังลอยขึ้นและมีความรู้สึกเบาสบาย   และรู้สึกเหมือนมีคนมานั่งจ้องอยู่ด้านหน้าของดิฉัน    ทำให้ดิฉันมีความรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย  แต่ก็ไม่คิดอะไรมากมาย    ดิฉันก็ได้นั่งสมาธิต่อจนสำเร็จข้อตกลง ข้อที่สองที่ดิฉันได้ตั้งไว้


น.ส.ฐิติมา  คะเสมา  ม.4/3
ร.ร.ละหานทรายรัชดาภิเษก  จ.บุรีรัมย์
เขียนไว้ ณ วันที่  15  มกราคม  2556

  


คิดได้ก็เลิกได้


           กระผมนี้เป็นคนดื้อดึงไม่ฟังใครทั้งนั้น   นิสัยก็ไม่ค่อยจะดีด้วย  ก่อนที่ผมจะมาที่นี่   ผมเป็นคนที่เกเรมาก   ผมไม่อยากมาเสียด้วยซ้ำ  เพราะถ้าอยู่บ้าน   ผมก็จะไม่อดบุหรี่ หรือ เบียร์  ผมจะกินทุกวัน สูบทุกวัน   สูบจนแม่บอกให้ผมเลิก   แต่ผมก็บอกกับแม่ว่าแค่สูบบุหรี่ไม่เห็นจะเป็นไรเลย  ตัวกระผมก็ไม่ค่อยอยากจะมาสักเท่าไหร่  เพราะครูท่านบังคับมา   3 วันแรก ผมอยากกลับบ้านมาก ๆ   พอตื่นเช้าวันที่ 4 ผมรู้สึกว่าจะทำวันนี้ให้ดี   ตอนเช้านั่งสมาธิ  ผมก็นั่งได้  พอตอนเย็นมา  ผมนั่งสมาธิไม่ได้ปวดขามาก   แต่พอวิทยากรเปิดหนังการคลอดลูกและเปิดเพลง  ผมกับนั่งร้องไห้    ก่อนจะนอนทุกวัน ผมคิดถึงพ่อกับแม่มาก   อยากจะกอดท่าน   พอตื่นเช้ามาผมนั่งสมาธิไม่ได้   ผมก็ได้สำนึก    ผมจะทำดีให้มากที่สุด  จะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ  จะเลิกยาเสพติด


           จะทำดีให้ได้ถึงที่สุดครับ   หากแพ้แล้วยังยิ้มจะเป็นสุข  หากแพ้แล้วร้องไห้จะเป็นทุกข์


นายจิรายุ  คำมวนมาย  ม.4/5
ร.ร.ละหานทรายรัชดาภิเษก  จ.บุรีรัมย์
เขียนไว้ ณ วันที่  15  มกราคม  2556



Last Updated on Thursday, 03 October 2013 08:49
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner